กรมควบคุมมลพิษ ได้เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก กรมควบคุมมลพิษ หรือ คพ. หลังเกิดเพลิงไหม้ ตู้คอนคอนเทนเนอร์ ท่าเรือแหลมฉบัง โดยกรมควบคุมมวลพิษ พร้อมสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 13 และสำนักงานทรัพยากรกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง และปภ.ชลบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีเหตุเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อเวลา 11.00 น. พบว่า ขณะตรวจสอบควบคุมเพลิงได้แล้วแต่ยังมีเขม่าควันค่อนข้างมาก เนื่องจากมีตู้คอนเทนเนอร์หลายร้อยใบที่ถูกเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงฉีดน้ำเลี้ยงอยู่ และจากการตรวจวัดคุณภาพอากาศในเบื้องต้น พบว่ามีค่าสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Total VOCs) อยู่ในช่วง1.2-2.4 ppm ค่าสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) อยู่ในช่วง 0.92-1.96 ppm ซึ่งมีค่าเกินกว่าค่าขีดจำกัดการรับสัมผัสสารเคมีทางการหายใจแบบเฉียบพลัน ระดับที่ 1 กำหนดค่า 0.9 ppm ซึ่งเกินค่ามาตรฐานเล็กน้อย ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ผิวหนังอักเสบ และระคายเคืองตา เนื่องจากเกิดกลุ่มควันจำนวนมาก อำเภอศรีราชา ได้สั่งการให้อพยพประชาชนที่อยู่ใต้ลมไปยังจุดที่ปลอดภัย และ คพ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณชุมชนที่ได้รับผลกระทบด้วยแล้ว หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
สำหรับ สาร VOCs ย่อมาจาก Volatile Organic Compounds คือ สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย ส่วนใหญ่มักใช้เป็นสารประกอบและสารตัวทำละลายในงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ส่วนสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) เป็นก๊าซไม่มีสี จัดเป็นพิษที่ปนเปื้อนในอากาศที่เป็นปัญหาสุขภาพของมนุษย์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยทั่วไปสารชนิดนี้นิยมใช้ในอุตสาหกรรมสี กาว และสารเคลือบเฟอร์นิเจอร์ไม้ ไม้อัด และไม้แปรรูปอื่น ๆ หรือเกิดจากการเผาไหม้
ศูนย์พิษวิทยา รพ.รามาธิบดี เปิดเผยว่า สารเคมีที่ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นสารเรซิ่นโซลูชั่น และโซเดียมเมทิวเลท ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง หลัง 2 โรงพยาบาลที่รับตัวผู้ป่วยโทรศัพท์มาขอรับคำปรึกษา ส่วนยอดผู้บาดเจ็บจากเหตุการเพลิงไหม้ รวม 133 คน กระจายรักษาใน 5 โรงพยาบาล นอนรักษาตัว 37 คน คาดพรุ่งนี้กลับบ้าน
CR:FB กรมควบคุมมลพิษ