พณ.เร่งรัดส่งออกสินค้าที่ยังมีศักยภาพ ลดผลกระทบสงครามการค้า

24 พฤษภาคม 2562, 14:42น.


ปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า มาตรการขึ้นภาษีสินค้าที่สหรัฐฯนำเข้าจากจีน กลุ่มสินค้า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯและการตอบโต้ของจีน ในกลุ่มสินค้า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสินค้ากลุ่มเดิมที่มีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 แต่สหรัฐฯปรับอัตราภาษีจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 และจีนปรับอัตราภาษีเป็นร้อยละ 5 – 25 และตัดสินค้าจำนวน 67 รายการ (ส่วนใหญ่คืออุปกรณ์รถยนต์ เช่น เบรค ล้อรถ คลัช เพลา/แกนรถ ถุงลมนิรภัย) สินค้ากลุ่มนี้มีนัยยะสำคัญและส่งผลกระทบทางอ้อมต่อการส่งออกไทย เนื่องจาก เป็นกลุ่มสินค้าที่เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานหลายประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญของไทย



กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่ามาตรการดังกล่าว จะไม่ส่งผลกระทบเพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากเป็นสินค้ากลุ่มเดิมที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว และผู้ประกอบการเริ่มปรับตัว คาดว่า ผู้ประกอบการเริ่มปรับกลยุทธ์มาผลิตในประเทศที่สาม (นอกประเทศจีน) มากขึ้น เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน และเมื่อพิจารณาสินค้าในกลุ่มที่ขึ้นภาษีของสหรัฐฯและจีน พบว่า ไทยยังมีโอกาสส่งออกสินค้าเพื่อชดเชย สินค้ากลุ่มที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออก ได้แก่ ผักและผลไม้สดและแปรรูป เครื่องดื่ม ไก่สดแช่แข็ง อาหารปรุงแต่ง เสื้อผ้าและรองเท้า เครื่องสำอาง และ ผลิตภัณฑ์ยาง วันที่ 29 พฤษภาคม จะประชุมกับตัวแทนอุตสาหกรรมกว่า 20 สมาคม/กลุ่ม เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้และการปรับกลยุทธ์ผลักดันการส่งออกสินค้าศักยภาพข้างต้นอย่างรวดเร็ว และจะนำผลหารือจากการประชุมเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ เพื่อกำหนดแนวทางการรับมือในเรื่องสงครามการค้า และกำหนดทิศทางยุทธศาสตร์การค้าระยะยาวที่จะต้องพิจารณาระบบการค้าและการลงทุนทั้งระบบให้สอดคล้องกับบริบทใหม่ของการค้า



CR:FB สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า



 



 

ข่าวทั้งหมด

X