ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 16.4 ล้านคนในออสเตรเลียกำลังทยอยออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วไปในวันนี้ ซึ่งเป็นการแข่งขันกันระหว่างพรรคเสรีนิยมแห่งชาติ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลที่หวังจะครองเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาลเป็นสมัยที่ 3 กับพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน นายกรัฐมนตรีสก๊อตต์ มอร์ริสัน ในฐานะผู้นำพรรคกล่าวว่าเขาได้ประสานรอยร้าวภายในพรรคให้ดีขึ้นแล้ว หลังจากการก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายมาร์คอม เทิร์นบูลเมื่อ 9 เดือนก่อน จนทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นภายในพรรค
ด้านนายบิล ชอร์เท็น ผู้นำพรรคแรงงานได้ชูความสามารถของสมาชิกพรรค รวมทั้งนโยบายด้านการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ค่าครองชีพสูง และปัญหาด้านสาธารณสุข สอดคล้องกับการวิเคราะห์ว่าปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกตั้งในครั้งนี้จะอยู่ที่เรื่องสภาพเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ สิ่งแวดล้อม และบริการสาธารณสุข โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่กำลังกังวลเรื่องที่อยู่อาศัยและภาวะโลกร้อน ขณะที่ผู้สูงอายุวิตกเรื่องแผนการปฏิรูปภาษี
ส่วนโพลสำรวจผลการเลือกตั้งระบุว่า พรรคเสรีนิยมแห่งชาติและพรรคแรงงานมีคะแนนสูสีกันมาก ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่าพลเมืองที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปต้องออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และหากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับเป็นเงิน 20 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 436 บาท ทำให้การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว มีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งถึงร้อยละ 95