สทนช.วางแผนรับมือแก้จุดเสี่ยงน้ำท่วมช่วงหน้าฝน ปรับแผนแก้ภัยแล้งให้ดีขึ้น

13 พฤษภาคม 2562, 16:28น.


การประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 5/2562 นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เป็นช่วงรอยต่อในการบริหารจัดการน้ำระหว่างฤดูแล้ง และการเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งในปีนี้อาจมีฝนทิ้งช่วงจนถึงเดือนกรกฎาคม จึงต้องมีการบริหารจัดการน้ำในส่วนของพื้นที่เสี่ยง ได้รับรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าการใช้น้ำในส่วนของเขื่อนอุบลรัตน์ เป็นไปตามแผน เช่นเดียวกับ อ่างเก็บน้ำกระเสียวและอ่างเก็บน้ำทับเสลา ยังมีน้ำเพียงพอ การช่วยพื้นที่เสี่ยงเกิดภัยแล้ง สทนช.ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมชลประทานกรมพัฒนาที่ดิน กรมทรัพยากรน้ำบาดาล แจกจ่ายน้ำในพื้นที่ประสบภัย ซ่อมแซมและขุดเจาะบ่อบาดาลรวมถึงขุดลอกแหล่งน้ำ ขณะเดียวกัน ได้มีการสรุปบทเรียนการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งเพื่อนำมาพัฒนาและเตรียมปรับใช้ในช่วงฤดูแล้งปีหน้า



ขณะที่ การเตรียมการเข้าสู่ฤดูฝน คาดการณ์ว่าจะเริ่มในช่วงปลายเดือนนี้ แต่ฝนอาจจะมีปริมาณน้อยในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม คาดว่า จะมีพายุเข้า 2 ลูกในช่วงเดือนสิงหาคม ถึงเดือนกันยายน ได้ให้หน่วยงานต่างๆกำหนดพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซากหรือน้ำล้นตลิ่งเพื่อจัดทำแผนในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่น้ำท่วม และปริมาณฝนที่อาจทำให้เกิดดินโคลนถล่มบ้างในพื้นที่แต่ยังไม่เกินเกณฑ์ ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบสภาพอาคารสถานีวัดน้ำ เพื่อติดตามเฝ้าระวังระบบระบายน้ำและการเตรียมความพร้อมเครื่องจักรในเรื่องการให้ความช่วยเหลือ ทำแผนการบริหารจัดการน้ำหลาก ปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำ รวมถึงให้ทุกหน่วยงาน รับทราบแนวทางปฏิบัติการ อ่างเก็บน้ำ (Rule Curve) ขณะนี้ได้ดำเนินการแล้วเสร็จทั้งอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่หลายแห่งและอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง รวมถึงการอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่จะต้องดำเนินการตามกฎเกณฑ์ใหม่เพื่อนำมาปรับปรุงใช้ในการบริหารจัดการน้ำให้เกิดประสิทธิภาพ



สำหรับการทำการเกษตรในช่วงปีนี้ ได้มีการกำหนดระหว่างคณะกรรมการข้าวครบวงจร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กำหนดพื้นที่ปลูกข้าว คาดว่า อยู่ที่ 58 - 59 ล้านไร่ ซึ่งจะมีการส่งน้ำในพื้นที่ที่กำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมาย จะเปิดให้ลงทะเบียน ขณะเดียวกัน ก็ต้องการให้เกษตรกรใช้น้ำฝนให้มากที่สุด เนื่องจาก อาจมีสภาวะฝนทิ้งช่วงช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม ซึ่งในระหว่างช่วงฝนทิ้งช่วง จะมีการดำเนินการทำฝนหลวง เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำให้มากขึ้น บางพื้นที่ได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่ตอนนี้ ส่วนช่วงฤดูแล้งหน้า ได้มีการกำหนดไว้ประมาณ 13 ล้านไร่แต่อาจปรับลดลงเหลือประมาณ 11 ล้านไร่ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในปีนี้จะต้องมีการวางแผนให้รัดกุมทั้งปริมาณน้ำต้นทุน เพื่อไม่ให้มีการปลูกข้ามเขตเพื่อกำหนดมาตรการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป



 



ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี



 

ข่าวทั้งหมด

X