ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น. 13 กุมภาพันธ์ 2562

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสิน รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ Startup หรือ SSI ไตรมาส 1 ปี 2562 อยู่ในเกณฑ์ดี นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้ประกอบการ Startup ทั่วประเทศจำนวน 500 ตัวอย่าง พบว่า ดัชนี SSI ประจำไตรมาส 1 ปี 2562 อยู่ที่ระดับ 58.80 ซึ่งสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการ Startup ยังคงมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางธุรกิจโดยรวม และสำหรับดัชนี SSI ในอีก 3 เดือนข้างหน้า มีมุมมองต่อภาวะธุรกิจในภาพรวมดีขึ้น โดยคาดหวังว่าหากการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จลุล่วงด้วยดี จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจของประเทศปรับตัวดีขึ้น แต่ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งหากการเจรจาการค้าไม่ประสบผลสำเร็จ จะส่งผลกระทบต่อยอดขายและคำสั่งซื้อของสินค้าหลายประเภท

ประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังคือปัจจัยทางด้านต้นทุนของผู้ประกอบการที่ยังอยู่ในระดับสูงทั้งค่าจ้างแรงงานผู้มีทักษะเฉพาะทาง ค่าเชื้อเพลิงและวัสดุอุปกรณ์

ด้านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. รายงานผลดำเนินงานในบัญชี 2561 ปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 678,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81,000 ล้านบาทจากปีก่อนหน้านี้ นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารฯ เปิดเผยว่า ในปีบัญชี 2562 (1 เมษายน 2562 -31 มีนาคม 2563 ธนาคารตั้งเป้าหมายอำนวยสินเชื่อระหว่างปีจำนวน 770,000 ล้านบาท โดยเป็นการขยายสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นจากปี 2561 จำนวน 95,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเงินทุนในการพัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ที่ตรงกับความต้องการของเกษตรกรลูกค้า

เศรษฐกิจวันนี้ยังต้องติดตามกรณีที่ สหภาพยุโรป หรืออียู มีมติห้ามใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันปาล์มภายในปี 2573 และส่งผลต่ออุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มทั่วโลก ราคาปาล์มทั่วโลกลดลงอย่างหนัก มาเลเซียที่เป็นผู้ผลิตอันดับ 2 ของโลกต้องใช้มาตรการลดพื้นที่ปลูกปาล์ม และแนะนำให้เกษตรกรปลูกพืชชนิดอื่นแล้ว     

วันนี้ยังมีความคืบหน้ากรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราชเรียกตรวจใบขับขี่ แล้วมีบุคคลที่ไม่ยินยอมให้ตรวจ โดยอ้างตัวว่าเป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ต่อมามีการเปิดเผยทราบชื่อคือ นายไกรรัตน์ วีรพัฒนาสุวรรณ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตรวจสอบใบขับขี่คือ ส.ต.ต.เอกพล จุ้ยส่องแก้ว ผบ.หมู่งานปราบปราบ สภ.ทุ่งใหญ่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเมื่อวันที่ 10 สำนักงานศาลยุติธรรมมีหนังสือแจ้ง ให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 รายงานข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อเสนอประธานศาลฎีกาและที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม หรือ ก.ต. ซึ่งต้องติดตามว่า การประชุม ก.ต.นัดวาระปกติในวันนี้ จะมีการพิจารณาตรวจสอบกรณีนี้ด้วยหรือไม่

ส่วนเรื่องแรงงาน ทางกรมการจัดหางานเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบแรงงานต่างด้าวเข้ามาประกอบอาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำงาน นางเพชรรัตน์ สินอวย อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่าอาชีพขายของหน้าร้าน หรือเร่ขายของ เป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำตามกฎหมาย โดยในปีงบประมาณ 2562 ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2561- 7 พฤษภาคม 2562 กรมการจัดหางานตรวจสอบการทำงานของแรงงานต่างด้าวไปแล้ว จำนวน 1,229 คน เป็นงานเร่ขายสินค้า จำนวน 701 คน  งานขายของหน้าร้าน จำนวน 501 คน และงานอื่นๆ ได้แก่ พนักงานรักษาความปลอดภัย วินมอเตอร์ไซต์ นวดแผนไทย และเสริมสวย จำนวน 27 คน ดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวไปแล้ว จำนวน 378 คน เป็นสัญชาติเมียนมามากที่สุด จำนวน 126 คน รองลงมาเป็นเวียดนาม 98 คน ลาว 63 คน กัมพูชา 51 คน อินเดีย 34 คน จีน 2 คน และอื่นๆ 4 คน และผลักดันส่งกลับแรงงานแล้ว จำนวน 211 คน คิดเป็นเงินค่าปรับรวม 1,055,000 บาท

ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ญาติของสยาม ธีรวุฒิ จะเข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีไม่ได้รับสิทธิในกระบวนการยุติธรรม โดยมีนางอังคณา นีละไพจิตร  กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และกำลังตำรวจ จะเข้ายึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในกรุงเทพฯ มูลค่าทรัพย์สินกว่า 20 ล้านบาท

และติดตามความคืบหน้าคดีที่มีนายตำรวจ 3 นายก่อเหตุลักพาเรียกค่าไถ่นายตำรวจยศสิบตำรวจโท จากสถานีตำรวจภูธรอำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี เหตุเกิดในพื้นที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 26-27 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 9 ออกคำสั่งให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า หากผลการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาด ไม่มีการให้ความช่วยเหลือหรือปกป้องผู้ที่กระทำความผิดอยู่แล้ว

ปิดท้ายที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้โรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศเริ่มทยอยเปิดภาคเรียนแล้ว จึงมีข้อเสนอถึงผู้ปกครองและครูอาจารย์ดูแลเด็กนักเรียนอย่างใกล้ชิด ป้องกันการลืมเด็กไว้ในรถ โดยเฉพาะเด็กนักเรียนระดับอนุบาลและในศูนย์เด็กเล็ก ทั้งรถรับส่งเด็กนักเรียน และรถของผู้ปกครองเอง ที่หากเกิดเหตุแล้วอาจทำให้เด็กเสียชีวิตได้

จากข้อมูลเฝ้าระวังโรคของสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค พบว่า ช่วง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2557 -2561 มีเหตุการณ์ที่เด็กถูกลืมทิ้งไว้ในรถ 106 เหตุการณ์ เด็กเสียชีวิตทั้งหมด 5 ราย อายุระหว่าง 3-6 ปี โดยเกิดเหตุขึ้นในรถรับจ้างรับส่งนักเรียน 4 ราย และรถยนต์ส่วนบุคคล 1 ราย ทั้งหมดถูกลืมทิ้งไว้ในรถนานกว่า 6 ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งเกิดขึ้นขณะเด็กนอนหลับและจอดรถไว้หลังจากรับส่งนักเรียนเสร็จแล้ว ซึ่งศูนย์วิจัยสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก โรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่า เด็กส่วนใหญ่ที่ติดอยู่ในรถไม่ได้เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ แต่เป็นเพราะความร้อนภายในรถที่สูงขึ้น

ด้านพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ตำรวจเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกด้านการจราจรโดยรอบสถานศึกษา ซึ่งทยอยเปิดภาคเรียนตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคมเป็นต้นไป โดยได้เตรียมกำลังตำรวจจราจรมากกว่า 3,000 นาย รับมือการจราจรติดขัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่มักมีปัญหาการจราจรหน้าสถานศึกษา เช่น สามเสน ราชวิถี สิรินธร ถ.สุขุมวิท ทองหล่อ เพชรบุรี สีลม และสาทร จัดที่จอดรถรองรับ ทำความเข้าใจผู้ปกครองในการรับ-ส่งบุตรหลานพร้อม ขอความร่วมมือผู้ปกครองศึกษาระบบเส้นทางในการรับ-ส่งบุตรหลาน และขอให้ใช้เวลาระหว่างรับ-ส่งให้น้อยที่สุด

...

ภาพจากเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล