รอยเตอร์ รายงานว่า เมื่อปีที่แล้ว นายโมฮัมหมัด นูร์ อาลิฟฟ์ เจ้าหน้าที่สำรวจที่ดินของมาเลเซีย มีความหวังสูงมากว่าชัยชนะในการเลือกตั้งของนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด วัย 93 ปีอาจนำไปสู่การปฏิรูปและการดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศหลังมีปัญหาหนี้สาธารณะและปัญหาทุจริตที่เกี่ยวข้องกองทุน 1MDB ของรัฐ
แต่จากผลการสำรวจของสำนักโพลที่เป็นอิสระคือศูนย์เมอร์เดกา บ่งชี้ว่าทัศนคติในเชิงบวกของชาวมาเลเซียถูกบั่นทอนลงโดยต่อเนื่องนับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว หลังพรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติหรือพรรคอัมโน ที่บริหารประเทศมา 60 ปี พ่ายแพ้ให้กับแนวร่วมฝ่ายค้านเดิมคือ ปากาตัน ฮาราปัน ของนายมหาเธร์ ระบุว่าความนิยมในรัฐบาลภายใต้การนำของนายมหาเธร์ร่วงลงมาที่ร้อยละ 39 ในเดือนมีนาคม จากร้อยละ 66 ในเดือนสิงหาคมปีก่อน ขณะที่คะแนนนิยมในตัวนายมหาเธร์ร่วงลงมาที่ร้อยละ 46 ในเดือนมีนาคม จากร้อยละ 71 ในเดือนสิงหาคมปีก่อน
ที่ผ่านมา รัฐบาลของนายมหาเธร์ ซึ่งรับภาระหนี้สาธารณะจำนวนมากต่อจากรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค มุ่งเน้นเรื่องการหาทางปรับลดหนี้สาธารณะของประเทศ แต่รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่ามีความเห็นไม่ตรงกันในพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องแนวทางการสร้างรายได้ให้กับรัฐ การส่งเสริมการลงทุนหรือการสร้างงาน