ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ คดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้องนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. และ น.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ บุตรสาว เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, มาตรา 11 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 เนื่องจาก ระหว่างวันที่ 25 ก.ย. 2545 - 20 ต.ค. 2549 จำเลยที่ 1 เรียกรับเงินจากนายเจอรัลด์ กรีน และนางแพทริเซีย กรีน สามีภรรยา นักธุรกิจชาวอเมริกัน โดยจำเลยที่ 1 แนะนำให้สามีภรรยา จัดตั้งบริษัทหลายแห่งเพื่อเข้าทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพปี 2546 โดยจำเลยเรียกรับเงิน รวมกว่า 1,822,294 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ ราว 60 ล้านบาท แลกกับการให้บริษัทของสามีภรรยา ได้ทำสัญญาจ้างการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ โดยบุตรสาวของจำเลยที่ 1 เป็นผู้ช่วยเหลือสนับสนุน ให้เปิดบัญชีธนาคาร HSBCPCL ประเทศอังกฤษและบัญชีธนาคาร HSBC INTERNATIONAL LIMITED ไอยล์ ออฟ เจอร์ซีย์ ธนาคารซิตี้แบงก์ และธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ประเทศสิงคโปร์ เพื่อโอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยที่ 2
จำเลยทั้งคู่ถูกเบิกตัวมาจากทัณฑสถานหญิงกลางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งพิเคราะห์แล้วเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วนในประเด็นที่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินงานบางกอกฟิล์ม เฟสติวัล ปี 2550 ดังนั้นจึงพิพากษาแก้โทษจำคุกจำเลยที่ 2 จาก 11 กระทง เหลือ 10 กระทง คงเหลือจำคุก 40 ปี ส่วนจำเลยที่ 1 ให้เป็นไปตามคำพิพากษาชั้นต้นคือ จำคุก 66 ปี แต่นับโทษคงจำคุกสูงสุด 50 ปี และให้ยกคำร้องริบทรัพย์ เงินในบัญชีต่างประเทศจำนวน กว่า 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากโจทก์ ไม่ได้ขอให้มีการริบทรัพย์จึงเห็นว่าเป็นการพิพากษาเกินเลยไป
คดีนี้ ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาจำคุกนางจุฑามาศ เป็นเวลา 66 ปี แต่นับโทษคงจำคุกสูงสุด 50 ปี และจำคุกน.ส.จิตติโสภา 44 ปี เนื่องจาก มีหลักฐานว่านักธุรกิจสามีภรรยา โอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้เซ็นอนุมัติ และสั่งริบเงินจำนวน 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯและดอกผล ซึ่งศาลกำหนดทรัพย์สินเป็นเงิน 62 ล้านบาทเศษ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
แฟ้มภาพ