สรุปข่าว 12.30น.วันพุธ 8 พฤษภาคม 2562
+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวคำปราศรัยเนื่องในโอกาส“วันเกษตรกร” ประจำปี2562 ว่า รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาภาคการเกษตรโดยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและพระบรมราโชบายที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานไว้มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกษตรกรมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน พร้อมส่งเสริมการบริหารจัดการด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นลดต้นทุนทำให้สินค้าเกษตรมีความปลอดภัยและได้มาตรฐานสากลรวมถึงส่งเสริมนโยบายสำคัญ เช่น การบริหารจัดการน้ำ การส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่และการพัฒนาเกษตรกรสู่ Smart Farmer เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ดียิ่งขึ้นสามารถพึ่งพาตนเองได้และมีความภาคภูมิใจในอาชีพเกษตรกรรม
+++ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ วินิจฉัยคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 231 (1) ว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128 มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 จึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับให้ความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ สำหรับผลการวินิจฉัยดังกล่าว คาดว่า กกต. จะยึดแนวทางการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ตามสูตรของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่จะมีพรรคการเมืองที่มีคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคะแนน ส.ส. 1 คน ได้รับการจัดสรรส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวนไม่น้อยกว่า 11 พรรคการเมือง และเมื่อรวมกับพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเกินกว่าค่าเฉลี่ยส.ส. 1 คน ก็จะมีพรรคการเมืองที่ได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวน 27 พรรค ทั้งนี้ คาดว่า กกต. จะแถลงในช่วงบ่ายของวันนี้ ซึ่งยังไม่ได้ระบุเวลาชัดเจน
+++นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ย้ำว่า ไม่ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไรทุกพรรคการเมืองควรเคารพกฎกติกา เพราะศาลถือเป็นสถาบันสำคัญ ผลออกมาอย่างไรก็ควรยึดตามนั้น ส่วนทิศทางของพรรคก็เดินหน้าต่อเต็มที่ เริ่มจากการประชุมสัมมนา ส.ส.ทั้งหมดของพรรคในสัปดาห์หน้า เพื่อเตรียมการซักซ้อม เพราะเรามี ส.ส.ใหม่จำนวนมากที่ไม่เคยเข้าสภามาก่อน ขณะเดียวกันในส่วนของงานการเมือง พรรคก็จะเดินหน้า ประสานพรรคอื่นๆ ที่ร่วมอุดมการณ์และสนใจมาร่วมกันตั้งรัฐบาล มั่นใจว่า พรรค พปชร.จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
+++ส่วนประเด็นว่าที่ ส.ส.ของพรรค ถูกร้องเรียนเรื่องการถือหุ้นสื่อและตนเองในฐานะหัวหน้าพรรคเป็นผู้เซ็นรับรองนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้สมัคร และว่าที่ ส.ส.เกือบทุกพรรค เราได้หารือแนวทาง โดยดูเป็นรายกรณี หากเกี่ยวกับพรรค เราพร้อมชี้แจงในทุกประเด็น และเดินตามขั้นตอนไม่มีอะไรมากกว่านั้น
+++นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันนี้ จะยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี โดยจะมีผลในวันที่ 9 พฤษภาคม เพื่อเตรียมตัวไปทำหน้าที่ใหม่ ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ส่วนการตัดสินใจรับตำแหน่ง ส.ว.นั้น คสช.เป็นผู้เลือกตนไป และตนเห็นว่า ส่วนตัวเคยทำหน้าที่เป็นประธานวิปรัฐบาลมา 4 ปีกว่า และยังเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นเวลาเกือบปี จึงคิดว่า ประสบการณ์การทำงานเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานในระยะต่อไป ยืนยันว่า ได้ยึดในเรื่องการทำงานเป็นหลัก เพราะอยากนำประสบการณ์ไปใช้ อีกทั้งจากการทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯที่ผ่านมา ก็มีทั้งงานด้านสังคม เศรษฐกิจ และคณะสงฆ์ ซึ่งเป็นเรื่องดี สร้างสังคมให้ดีงาม ฉะนั้นเชื่อว่าการที่ คสช.เสนอชื่อตน ก็คงดูว่า ตนได้ผ่านงานอะไรมาบ้าง และจะเป็นประโยชน์อย่างไรในอนาคตต่อไป
++++ส่วนเสียงวิจารณ์ว่าคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่ลาออกไปเป็น ส.ว.นั้น จะไปเป็นเกราะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายสุวพันธ์ กล่าวว่า ก็แล้วแต่จะวิจารณ์กัน ตอนนี้ยังพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการเสนอชื่อ ยังไม่มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯลงมา ทั้งนี้ เมื่อ คสช.เสนอชื่อ ตนก็เต็มใจ
+++การเตรียมความพร้อมรับจราจรช่วยเปิดภาคเรียน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.)เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ประสานไปยังกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) เพื่อหารือถึงการเตรียมการรับมือการจราจรในช่วงวันเปิดภาคเรียน ซึ่งคาดว่าในวันที่ 10 พ.ค.จะมีการหารือแนวทางร่วมกัน
++++นอกจากนี้ กทม.จะขอพื้นที่คืนจากการก่อสร้างต่างๆ อาทิ การทำถนน การก่อสร้างรถไฟฟ้า รวมถึงมีการจัดระเบียบพื้นที่ต่างๆ ไม่ให้มีการวางสิ่งของเกะกะบนทางเท้า เนื่องจากช่วงเปิดเทอมการจราจรจะคับคั่งมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการหรือผู้รับเหมาก่อสร้างจะต้องปฏิบัติตามระเบียบ ไม่ยึดพื้นที่ทางเท้าหรือผิวจราจรเป็นที่วางของก็จะช่วยให้การจราจรเป็นไปด้วยความสะดวกมากขึ้น หากเจรจาแล้วยังมีการฝ่าฝืนก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และอีกประมาณ 4–5 ปี เมื่อระบบการขนส่งสาธารณะต่างๆ เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์การเดินทางก็จะสะดวกมากขึ้น
+++นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุม ครม.เห็นชอบปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตยาเส้นมีผลหลังเที่ยงคืน 7 พฤษภาคมด้วยการปรับเพิ่มภาษีตามปริมาณเป็น 0.1 บาท/กรัม จากเดิมจัดเก็บ 5 สตางค์/กรัม เช่น ยาเส้นขายปลีกราคา 20-30 บาทต่อซอง ภาษีจาก 10 บาท เพิ่มเป็น 13 บาทสำหรับซองใหญ่ ส่วนซองเล็กเพิ่ม 5 บาท เป็น 7 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2 บาท/ซอง และภาษียาเส้นไม่ได้ปรับเพิ่มมาเป็นเวลานานถึง 40 ปี ส่งผลกระทบต่อโรงงานยาสูบปรุงเส้นขนาดใหญ่ แต่สำหรับโรงงานหั่นยาเส้นของชาวบ้านเพื่อส่งให้กับการยาสูบจะได้รับการยกเว้นภาษี คาดว่ามีรายได้เพิ่มจากการขยับเพิ่มภาษี 2,000 ล้านบาท จากยอดภาษีสรรพสามิตยาสูบทั้งระบบโดยรวมประมาณ 60,000 ล้านบาท/ปี
+++ส่วนการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตมอเตอร์ไซค์ นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า รอประกาศลงราชกิจจานุเบกษา กำหนดมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563 โดยเปลี่ยนการจัดเก็บภาษีตามความจุของกระบอกสูบมาเป็นการจัดเก็บภาษีตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จึงปรับการจัดเก็บภาษีรถมอเตอร์ไซต์ ได้แก่ รถมอเตอร์ไซค์ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV) ในอัตราร้อยละ 1 ของราคาขายปลีก จากปัจจุบันไม่ได้จัดเก็บ
สำหรับการปรับโครงสร้างใหม่นั้น เพื่อให้เป็นไปตามหลักการจัดเก็บภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมในประเทศที่คำนึงถึงประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน และสนับสนุนทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานในอนาคต และช่วยลดปริมาณฝุ่น PM 2.5
+++ปัจจุบันรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดต่ำกว่า 150 CC ที่มีร้อยละ 90 ของปริมาณรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดจะมีราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น 100-200 บาท ต่อคัน ส่วนรถบิ๊กไบท์ จะมีราคาสูงขึ้นตามขนาด CC ซึ่งขณะนี้รถยนต์ที่มีขนาดต่ำกว่า 150 CC จะเสียภาษีในอัตราร้อยละ 2.5 ของราคาขายปลีก ขนาด 15-500 CC เสียภาษีในอัตราร้อยละ 4 ขนาด 50-1,000 CC เสียภาษีในอัตราร้อยละ 8 ขนาดสูงกว่า 1,000 CC จัดเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 17