ภาวะความเครียดในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา เปิดเผยผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในเดือนมีนาคม 2562 ทั่วประเทศมีผู้ที่มีงานทำ 37.7 ล้านคน ประมาณร้อยละ 70 ทำงานนอกภาคเกษตรกรรม นับเป็นกลุ่มที่เสี่ยงเกิดความเครียดได้สูงกว่าวัยอื่น เนื่องจากหน้าที่ความรับผิดชอบครอบครัว การงาน และเศรษฐกิจ
โดยเฉพาะกลุ่มที่น่าห่วงคือผู้ที่ใช้เวลาทำงานมากกว่า 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งจากผลสำรวจครั้งนี้พบว่ามีมากถึง 7 ล้านกว่าคน เป็นกลุ่มที่เสี่ยงเกิดความเครียดได้ง่าย อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพการทำงานและสุขภาพ หากไม่รู้วิธีจัดการความเครียดที่ถูกต้อง ความเครียดเป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าทั้งภายนอกภายใน ในแง่ดีคือทำให้มีร่างกายตื่นตัว ตอบสนองต่อสิ่งคุกคามหรือแก้ไขปัญหาต่างๆที่เข้ามาในชีวิตประจำวัน กล่าวคือร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่มีชื่อว่าคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนแห่งความเครียดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ร่างกายตื่นตัว กระฉับกระเฉง และแก้ไขปัญหาต่างๆไปได้ แต่หากความเครียดนั้นเป็นอยู่ระยะยาวนานสะสมจะกลายเป็นภัยเงียบ มี ความเสี่ยงเกิดโรค ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง
พร้อมแนะนำให้สังเกต 3 สัญญาณเตือน เสี่ยงเครียดสูง คือ ด้านร่างกาย มักเจ็บป่วยบ่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่มีเรี่ยวแรง ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ท้องอืด ปวดหลัง ด้านจิตใจ จะเคร่งเครียด ขาดสมาธิ หงุดหงิด ฟุ้งซ่าน เหม่อลอย เบื่อหน่าย เศร้าหมอง และด้านพฤติกรรม จะจู้จี้ขี้บ่น เก็บตัว สูบบุหรี่จัด ดื่มสุรามากขึ้น อาจใช้ยากระตุ้น เช่น ยานอนหลับ
แนวทางแก้ไข คือ ให้ปรับความคิด โดยการคิดบวกต่อตัวเองและต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้ร่วมกันคิดหาทางออก ทำได้ทั้งระดับครอบครัว คือรับฟังทุกข์สุขของกันและกัน ร่วมกันแก้ปัญหาช่วยเหลือกันทุกโอกาสที่ทำได้ และการฝึกลดความตึงเครียดจิตใจ โดยการพักผ่อน การออกกำลังกาย ฟังเพลง ทำงานศิลปะ ทำกิจกรรมในสิ่งที่ตนเองชอบ