หลังจากที่ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ได้แจ้งต่อต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเกี่ยวกับคดีปรับอัตราค่าผ่านทางทางพิเศษ (ทางด่วน) ศรีรัชส่วน D ช่วงถนนรัชดาภิเษก-ศรีนครินทร์ ปี 2546 ว่า บริษัท ได้รับทราบคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการลงวันที่ 22 เมษายน 2562 โดยคณะอนุญาโตตุลาการได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ชี้ขาดให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ.จ่ายค่าเสียหายให้ BEM ตามที่ บริษัท BEM ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2551 เพื่อเรียกร้องให้กทพ. ชำระเงินส่วนต่างรายได้ค่าผ่านทางตามประกาศกระทรวงคมนาคม ฉบับลงวันที่ 29 สิงหาคม 2546 กับอัตราค่าผ่านทางที่ถูกต้องตามสัญญา
ทั้งนี้ ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยจำนวน 1,048.23 ล้านบาท และดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ข้อ 25.6 ของต้นเงินค่าเสียหายจำนวน 914.35 ล้านบาท คิดเป็นรายวันตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2551 เป็นต้นไป จนกว่ากทพ.จะชำระเสร็จสิ้น ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินผลต่างส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทาง ตามอัตราค่าผ่านทางตามประกาศกระทรวงคมนาคมฉบับลงวันที่ 29 สิงหาคม 2546 กับส่วนแบ่งที่ บริษัทฯ มีสิทธิจะได้รับตามสัญญา โดยคำนวณตามจำนวนรถยนต์แต่ละประเภทที่ใช้ทางตามจริง เป็นรายวัน นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2551 เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2551 รวมทั้งชำระดอกเบี้ยผิดนัดตามสัญญาข้อ 25.6 ของผลต่างส่วนแบ่งรายได้ค่าผ่านทาง นับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2551 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยให้แก่บริษัทจนเสร็จสิ้น ทั้งนี้ ตามพ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 บริษัทสามารถยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อให้ศาลทำการบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการภายใน 3 ปีนับตั้งแต่วันที่อาจบังคับตามคำชี้ขาดได้ ในขณะที่ กทพ. อาจขอให้ศาลเพิกถอนคำชี้ขาดได้ โดยยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำชี้ขาด
แฟ้มภาพ