หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งนายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตเลือกตั้งที่ 8 จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ไว้เป็นการชั่วคราว 1 ปี จากกรณีทำการทุจริตซื้อเสียง
ล่าสุดนายสุรพล ได้นำเอกสารและพยานหลักฐานในกรณีนี้มายื่นหนังสือถึงกกต. เพื่อขอให้กกต.ทบทวนมติเรื่องนี้และให้ความเป็นธรรมกับตัวเองในการพิจารณา ก่อนระบุว่า มติของกกต.เป็นมติที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ทั้งยังขาดการรับฟังข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านอันเห็นได้จากการใช้เวลาเพียงแค่ 7 วันในการเอาผิดกับตัวเอง พร้อมรับว่าแม้ตัวเองจะถวายเงินและนาฬิกาให้กับพระปลัดสาม ฐานวโร จริง แต่ยืนยันว่าเป็นการกระทำในนามส่วนตัวในฐานะที่เป็นศิษย์และเคารพศรัทธาพระปลัดสาม ฐานวโรมานานแล้ว ไม่ได้เป็นการมอบให้ในงานทอดผ้าป่าหรือมอบให้วัด อีกทั้งวันที่ไปถวายปัจจัยก็ไม่มีผู้ช่วยหาเสียงติดตามและไม่มีการหาเสียงใดๆ ดังนั้นการถวายปัจจัยของตัวเองจึงเป็นไปด้วยความสุจริตและไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 73 (2) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามที่กกต.กล่าวอ้าง เนื่องจากไม่ใช่การโน้มน้าวให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตัวเอง เพราะพระไม่มีสิทธิเลือกตั้งอยู่แล้ว จึงต้องการให้กกต.ทบทวนมติใหม่อีกครั้งและให้ความเป็นธรรมด้วย
นายสุรพล ยังเชื่อว่า มีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลังที่ต้องการกลั่นแกล้งและให้ตัวเองมีความผิด โดยเฉพาะกลุ่มประชาธิปไตยจอมทองที่เป็นผู้ร้องเรียนเรื่องนี้มายังกกต. ยืนยันว่าตลอดการเป็นส.ส. 8 สมัยไม่เคยซื้อเสียงหรือทำการทุจริต ทั้งการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ไม่มีกรณีอื่นใดที่ตัวเองจะกระทำการเข้าข่ายทุจริตได้ยกเว้นการถวายปัจจัยนี้
สำหรับนายสุรพล เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 8 ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้คะแนนไปทั้งสิ้น 52,165 คะแนน และเป็นคนแรกในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาที่ถูกกกต.แจกใบส้มด้วย