กรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจอิหร่าน เพื่อกดดันให้อิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์ โดยประกาศห้ามนานาชาติซื้อน้ำมันจากอิหร่าน แต่ให้สิทธิ์ยกเว้นกับ 8 ประเทศ ซึ่งรวมถึงจีน อินเดีย ญี่ปุ่น ตุรกี และเกาหลีใต้ ที่สามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้ในปริมาณที่จำกัด โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้ แต่ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับราคาเพิ่มขึ้น
ประธานาธิบดีฮัสซาน รูฮานี แห่งอิหร่าน เปิดเผยว่า อิหร่านต้องดำเนินมาตรการเพื่อต่อต้านมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ รอบใหม่ ยืนยันว่าอิหร่านมีความพร้อมสำหรับการเจรจา แต่รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ต้องการเจรจา จึงออกมาตรการที่ต้องการสร้างความเสียหาย และอิหร่านจะทำให้สหรัฐฯต้องเสียใจที่ตัดสินใจเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเขากล่าวว่า หากสหรัฐฯมีความต้องการที่จะเจรจาก็จะต้องขออภัยต่อการกระทำผิดกฎหมาย มีความเคารพต่อความเท่าเทียมกัน และลดแรงกดดันต่ออิหร่านก่อนที่จะมีการเจรจาใด ๆ เกิดขึ้น
ด้านนายจาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีการต่างประเทศอิหร่าน เชื่อว่าคณะผู้บริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และพันธมิตรของสหรัฐฯ พยายามที่จะหาทางที่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันขึ้น ซึ่งเขาเปิดเผยว่าบุคคลเหล่านี้ได้แก่ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ตลอดจนผู้ปกครองของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดิอาระเบีย
ด้านนักวิเคราะห์ต่างแสดงความกังวลว่า มาตรการลงโทษครั้งใหม่นี้ อาจกระทบกับความสัมพันธ์ของสหรัฐฯกับอิหร่าน และกระทบกับการเจรจาการค้าสหรัฐฯและจีนด้วย
....