ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.35น. 24 เมษายน 2562

24 เมษายน 2562, 19:12น.


สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ชี้แจงกรณีที่นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. พรรคเพื่อไทย เขตเลือกตั้งที่ 13 กรุงเทพมหานคร สันนิษฐานว่ามีบัตรเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งที่ 13 ของเขตเลือกตั้งนี้หายไป 180 ใบ ว่าสำนักงานได้ตรวจสอบผลการนับคะแนนหน่วยเลือกตั้งนี้แล้ว พบว่าไม่มีบัตรเลือกตั้งหายตามที่นายตรีรัตน์กล่าวอ้าง โดยจำนวนบัตรที่ส่งไปให้หน่วยเลือกตั้งใช้ตรงกับผลรวมของบัตรเลือกตั้งที่ใช้ไปและบัตรเลือกตั้งที่เหลือ โดยหน่วยเลือกตั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 968 คน ส่งบัตรเลือกตั้งไปให้ใช้ 980 ใบ มีผู้มาใช้สิทธิ 637 คน บัตรเลือกตั้งใช้ไป 637 ใบ แบ่งเป็นบัตรดี 616 ใบ บัตรเสีย 9 ใบ บัตรไม่เลือกผู้สมัครรายใด 12 ใบ และมีบัตรเลือกตั้งเหลือ 343 ใบ จำนวนบัตรเลือกตั้งจึงถูกต้องทั้งหมด ไม่มีบัตรหาย ทั้งนี้ ผู้มีส่วนได้เสียสามารถขอคัดสำเนาเอกสารผลการนับคะแนนหน่วยเลือกตั้งนี้ได้ที่สำนักงานกกต.ประจำกรุงเทพมหานคร 



นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีที่ กกต.ให้ใบส้มนายสุรพล เกียรติไชยากร ว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่ ว่ารับทราบจากนายสุรพล ว่าถูกร้องกรณีให้เงิน 2,000 บาทและนาฬิกาแก่ครูบาสาม ที่วัดพระธาตุดอยพระเจ้าในงานทอดผ้าป่าของวัด นายสุรพล รับว่าให้เงินและทรัพย์สินจริง แต่เป็นการถวายทำบุญเป็นค่าเทียนบูชาและพุทธบูชา โดยทำบุญกับวัดนี้เป็นประจำ ไม่เกี่ยวข้องกับการทอดผ้าป่า ไม่มีเหตุจูงใจในการเลือกตั้ง และพระเองก็ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง กกต.ฟังว่าเป็นการให้ทรัพย์สินและประโยชน์อันจะทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม จึงออกใบส้มและสั่งให้เลือกตั้งใหม่ เพราะนายสุรพล มีคะแนนเป็นอันดับ1 เราคงทำอะไรไม่ได้เพราะกฎหมายให้คำสั่งเป็นที่สุด เป็นอำนาจของกกต.



หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องของ กกต. กรณีสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ห็นว่าผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องโดยตรงในประเด็นนี้ได้เนื่องจากรัฐธรรมนูญได้บัญญัติกระบวนการและขั้นตอนการยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยไว้แล้วตามการใช้สิทธิทางผู้ตรวจการแผ่นดินและการใช้สิทธิทางศาลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212  พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ระบุว่า จะนำมติของศาลรัฐธรรมนูญเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ในวันพรุ่งนี้  กกต.จะตัดสินใจใช้วิธีการจัดสรร ส.ส.แบบใดนั้น ไม่ทราบ



นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหาภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย หรือ จีดีพี ปีนี้ มีความเสี่ยงที่จะเติบโตได้ต่ำกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.8  จากการส่งออกที่ชะลอตัวลงตั้งแต่ช่วงปลายปี ซึ่งเป็นผลมาจากการค้าระหว่างประเทศชะลอลง และจะต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว และต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แม้ว่า ภาคการลงทุนและการบริโภคในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่อง



ตัวเลขการส่งออกของไทย โดยเฉพาะในไตรมาส 1  มองว่า จะติดลบกว่าที่ได้ประมาณการณ์ไว้ และติดลบต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 2 ทำให้การส่งออกของไทยปีนี้ อาจจะเติบโตต่ำกว่าร้อยละ 3 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยจีดีพีไตรมาส 1 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.4 และไตรมาส2  คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวได้เกือบร้อยละ 3 ทำให้ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 3.2 ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ เป็นความเสี่ยงที่จะต้องติดตาม หากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ในช่วงเดือนมิ.ย. เชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย แต่หากการจัดตั้งรัฐบาลยืดเยื้อไปจนถึงช่วงเดือนก.ย.ก็อาจจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน การบริโภค ของประเทศ รวมถึงการลงทุนของภาครัฐได้ ดังนั้นความท้าทายของรัฐบาลขณะนี้คือการทำให้การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนเติบโตได้ต่อเนื่อง



การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปิดตลาดที่ 1,673.43 จุด เพิ่มขึ้น 2.12 จุด  มูลค่าการซื้อขาย 47,524.82 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ แม้ว่าปัจจัยจากต่างประเทศจะช่วยหนุน ทั้งเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่ต่างฟื้นตัว แต่ตลาดก็ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในประเทศ ซึ่งหากไม่มีเรื่องนี้ตลาดก็น่าจะปรับตัวขึ้นไปได้อีก ขณะนี้รอติดตามการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม



การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดลบ 59.74 จุด ปิดที่ระดับ 22,200.00 จุด เนื่องจาก นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขายและเทขายทำกำไร ก่อนที่บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของญี่ปุ่นจะเปิดเผยผลประกอบการ ดัชนีฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 157.41 จุด ปิดที่ 29,805.83 จุด นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯกับจีน โดยทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า การเจรจาการค้ารอบใหม่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 30 เม.ย.ที่กรุงปักกิ่ง



หลังเกิดเหตุระเบิดโบสถ์คริสต์และโรงแรมต่างๆรวม 8 จุดทั้งในและชานกรุงโคลัมโบ ของศรีลังกา เมื่อวันอาทิตย์ มีคนเสียชีวิต 359 ศพ และบาดเจ็บกว่า 500 คน โดยกลุ่มรัฐอิสลามหรือ ไอเอส อ้างว่าอยู่เบื้องหลังล่าสุด นายรูวาน วิเจวาร์เดเน รัฐมนตรีกลาโหมของศรีลังกา เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยคันหนึ่งจอดทิ้งไว้บริเวณด้านนอกโรงภาพยนตร์ซาวอย ทางตอนใต้ของกรุงโคลัมโบ ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด จึงใช้ระเบิดทำลายเบาะนั่งของรถจักรยานยนต์ แต่ไม่พบวัตถุระเบิดซุกอยู่ใต้เบาะนั่งของรถคันดังกล่าว ขณะเดียวกัน รัฐบาลศรีลังกา ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น มีการประกาศมาตรการเคอร์ฟิวหรือการห้ามออกจากเคหสถานเวลาค่ำคืน และเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ความมั่นคงราว 1,000 คน ดูแลสถานที่สำคัญๆในกรุงโคลัมโบ



การดำเนินคดีกับคนร้าย ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยแล้วรวม 60 คน เป็นชาวศรีลังกาทั้งหมด เพื่อสอบสวนต่อไป และจากการตรวจสอบคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดพลีชีพ  9 คน ตำรวจทราบชื่อแล้ว 8 คน ส่วนรายที่ 9 เป็นภรรยาของคนร้าย นายรูวาน วิเจวาร์เดเน รัฐมนตรีกลาโหมของศรีลังกา เปิดเผยว่า คนร้ายส่วนใหญ่ที่ลงมือระเบิดพลีชีพเมื่อวันอาทิตย์มาจากครอบครัวที่มีฐานะดี หรือครอบครัวของชนชั้นกลางถึงระดับสูงในสังคมและมีการศึกษาดี รวมทั้งรายหนึ่งที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในอังกฤษและอยู่ระหว่างเรียนระดับปริญญาโทในออสเตรเลีย



ความคืบหน้าการเดินทางเยือนรัสเซียของนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดินทางด้วยรถไฟพิเศษไปถึงเมืองวลาดิวอสต็อก ทางภาคตะวันออกของรัสเซียแล้วในช่วงบ่ายวันนี้ สถานีโทรทัศน์สำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซีย รายงานว่า นายคิม จองอึน จะร่วมประชุมสุดยอดครั้งแรกกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียในวันพรุ่งนี้ แต่ผู้นำทั้งสองจะไม่มีการลงนามในข้อตกลงหรือออกแถลงการณ์ร่วมใดๆ ด้านนักวิเคราะห์ หวังว่า เกาหลีเหนือ จะขอให้รัสเซียช่วยกดดันสหรัฐฯให้ผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการเจรจานิวเคลียร์ของทั้งสองฝ่ายในขณะนี้



แฟ้มภาพ 



 

ข่าวทั้งหมด

X