หลังจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้กระทรวงการคลัง ศึกษามาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือน รองรับการเข้ามาบริหารของรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อให้สัญญาณเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเดินหน้าต่อไปไม่สะดุด เพื่อดูแลทุกกลุ่ม ทั้งภาคการท่องเที่ยว เพิ่มกำลังซื้อให้กับชาวบ้านและลดภาระช่วงเปิดเทอมให้กับผู้ปกครอง อสังหาริมทรัพย์ และการลงทุน ขณะนี้กระทรวงการคลังศึกษามาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านมาตรการ “ยิ่งเที่ยว ยิ่งเท่ ช่วยเปย์ เมืองรอง” เตรียมใช้งบประมาณกลางวงเงิน 15,000 ล้านบาท ส่งเสริมให้ประชาชนใช้จ่ายซื้อสินค้า E-Payment ในเมืองรอง 55 จังหวัด หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและส่งเสริมการใช้จ่ายแบบไร้เงินสด สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมโครงการต้องเป็นคนไทย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป นับตั้งแต่วันเริ่มโครงการต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น และขอใช้ระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้น รัฐบาลจะเติมเงินให้คนละ 1,500 บาท เพื่อนำไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่มีลงทะเบียนคิวอาร์โค้ดไว้ ตั้งเป้าหมายผู้เข้าร่วมโครงการลงทะเบียนและรับเงินไปใช้จ่ายได้ประมาณ 10 ล้านคน กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและธนาคารกรุงไทย โปรโมทแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง ส่วนธนาคารกรุงไทย ดูแลเรื่องการชำระเงินและการลงทะเบียน เพื่อเปิดกว้างให้ชำระสินค้าผ่านคิวอาร์โค้ดของทุกธนาคารพาณิชย์ไม่จำกัดเพียงธนาคารกรุงไทยหรือร้านธงฟ้า และยังต้องศึกษาให้ขยายโครงการใช้จ่ายไปตามเมืองหลัก
นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้วยการนำค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบริการนำเที่ยว ค่าที่พักโรงแรม โฮมสเตย์ไทย และสถานที่พักไม่ได้เป็นโรงแรมมาใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามจริง จากเดิมครบกำหนดไปแล้วเมื่อปลายปีที่แล้ว จึงเตรียมขยายวงเงินลดหย่อนให้มากกว่า 15,000 บาท เพื่อจูงใจให้เกิดการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบเร็ว ๆ นี้ เพื่อให้มีผลทันที หลังจากเศรษฐกิจไตรมาส 1-2 มีสัญญาณชะลอตัวจากเศรษฐกิจโลกผันผวน และปัญหาการเมืองภายในประเทศ กระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภคและนักลงทุน
แฟ้มภาพ