ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น. 15 เมษายน 2562

15 เมษายน 2562, 08:16น.


กรณีที่กรมบังคับคดีอายัดบัญชีเงินเดือนพนักงานองค์การค้า ของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อติดตามเร่งรัดหนี้ขององค์การค้าฯ ในเรื่องการชำระหนี้ค่ากระดาษ ให้กับบริษัท ซี เอ เอส เปเปอร์ จำกัด นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่าได้หารือกับนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา กรณีที่พนักงานองค์การค้าฯ ประมาณ 2,000 คน ไม่ได้รับเงินเดือนจึงทำหนังสือถือถึงสำนักงบประมาณขอให้พิจารณาอนุมัติงบจำนวน 200 ล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายหนี้เงินเดือนให้แก่พนักงานองค์การค้าฯ ก่อน



วันนี้ยังต้องติดตามข่าวอาชญากรรมกรณีเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ที่มีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 13 เมษายน ขณะที่มีกลุ่มผู้บุกรุกเข้าไปในโรงพยาบาลแล้วก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันหน้าห้องฉุกเฉิน ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอแก้งคร้อติดตามจับกุมได้แล้ว 4 คน เหลืออีก 6 คน เจ้าหน้าที่ตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายทำให้มีผู้บาดเจ็บ ร่วมบุกรุกสถานที่ราชการ



โดยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้ง 2 กลุ่มซึ่งมีอาการเมาสุรามีเหตุวิวาทภายกันในงานเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ ในพื้นที่บริเวณริมถนนชัยภูมิ-แก้งคร้อแล้วมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คนที่นำส่งโรงพยาบาล แต่คู่กรณีติดตามเข้ามาทะเลาะวิวาทกันต่อ หลังเกิดเหตุตำรวจภูธรอำเภอแก้งคร้อจัดเจ้าหน้าที่มาดูแลรักษาความปลอดภัยที่โรงพยาบาลเพิ่มเติม โดยกรณีรับผู้บาดเจ็บจากเหตุวิวาทจะต้องมีการคัดกรองผู้ที่มาเยี่ยมผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บด้วย



ยังมีกรณีอุบัติเหตุในพื้นที่ของสถานีตำรวจนครบาลศาลาแดง กรณีนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 57 ปี เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ขับรถชนผู้อื่นและทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 คน โดยศาลให้ประกันตัวนายสมชาย และนัดให้รายงานตัวที่ศาลอีกครั้งวันที่ 25 เมษายนนี้



นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า กรณีมีข่าวว่าพนักงานสอบสวนนำคำร้องฝากขังนายสมชาย ข้อหาฆ่าโดยเจตนาและพยายามฆ่า ต่อมาศาลตรวจคำร้องแล้วไม่รับ พนักงานสอบสวนจึงนำกลับไปแก้ไขมาใหม่ เป็นข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตนเห็นว่า เมื่อกฎหมายที่ใช้อยู่ยังไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ในสังคมที่เปลี่ยนไป สมควรยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอาญาเสียเลย มาตรา 291 เดิม กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ให้เพิ่มเติมอีกวรรค เป็นวรรคเหตุฉกรรจ์ไว้เพิ่มโทษ บัญญัติเพิ่มเติมว่า หากการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เกิดจากผู้กระทำอยู่ในภาวะมึนเมาเพราะเสพสุราหรือเสพวัตถุมึนเมาอย่างอื่น และควบคุมยานพาหนะเดินด้วยเครื่องจักรกล ให้ระวางโทษประหารชีวิตหรือให้เพิ่มโทษกึ่งหนึ่ง เมื่อเพิ่มโทษในกฎหมายแล้วจะไม่เป็นอุปสรรคในการบังคับใช้กฎหมายอีกต่อไป



นพ.ธนะพงศ์ จินวงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า ข้อหาเมาขับชนคนตายมีบทลงโทษปรับไม่เกิน 2 แสนบาท และจำคุกไม่เกิน 10 ปี แต่ที่ผ่านมาเกือบทั้งหมดศาลจะลงโทษปรับและจำคุก แต่เมื่อจำเลยสารภาพโทษจะลดกึ่งหนึ่ง ดังนั้น โทษจำคุก เท่ากับรอลงอาญา แม้เจตนารมณ์ของกฎหมายโดยเฉพาะ ในทางสากลจะถือว่า เมาขับชนคนตายเป็นพฤติกรรมขับขี่ที่อันตราย (criminal intent) มีโทษหนักมากกว่าคดีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่บ้านเราเมาขับชนคนตายถือเป็นฐานความผิดเช่นเดียวกับกฎหมายอาญา ม.291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีและปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ทำให้การพิจารณาโทษถูกมองว่าเป็นเพียงความประมาทจึงรอลงอาญา



วันนี้ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลคันนายาว จะนำตัว นายภูมใจ เหลืองทอง ไปขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี จากเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน นายภูมิใจใช้ค้อนทุบลูกเลี้ยงที่กำลังตั้งครรภ์ 7 เดือนจนเสียชีวิต คดีนี้ผู้ต้องหารับสารภาพ 



...

ข่าวทั้งหมด

X