บ่ายวันนี้นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง ได้จัดสอนสูตรคำนวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อในหัวข้อ "คำนวณอย่างไร ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ" โดยยึดตามรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาเป็นวิธีในการคำนวณ โดยการคำนวณเริ่มจากการนำจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งไปหารกับจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีทั้งสิ้น 500 คน ซึ่งจะได้คะแนนอยู่ที่ 71,047 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่จะได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพึงมี 1 คน จากนั้นให้นำคะแนนดิบของแต่ละพรรคการเมืองที่ได้ไปหารกับตัวเลข 71,047 เพื่อหาจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละพรรคการเมืองพึงจะมีได้ไม่เกินเกณฑ์ จากนั้นให้นำจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละพรรคการเมืองพึงมีไปลบกับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตที่แต่ละพรรคการเมืองได้ เพื่อหาจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองพึงมีได้ไม่เกินเกณฑ์ โดยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองเมื่อรวมกันแล้วจะต้องไม่เกินจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละพรรคการเมืองพึงมี ส่วนเศษที่เหลือจากการคำนวณหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคจะถูกนำไปคำนวณอีกครั้งเพื่อจัดสรรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อให้ครบ 150 คนตามจำนวนที่กฎหมายกำหนดไว้
นายสมชัย บอกว่า เมื่อคิดตามหลักคำนวณของตัวเองแล้วจะมีพรรคการเมืองที่ได้รับจัดสรรให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อทั้งสิ้น 16 พรรค โดยพรรคอนาคตใหม่จะได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อมากที่สุด 56 คน ตามมาด้วยพรรคประชาธิปัตย์ 22 คน และพรรคพลังประชารัฐ 21 คน เป็นต้น โดยพรรคเพื่อไทยจะไม่ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว ส่วนสาเหตุที่การคำนวณของตัวเองกับคณะกรรมการการเลือกตั้งได้จำนวนพรรคการเมืองที่จะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อต่างกันถึง 9 พรรค เกิดจากวิธีการคำนวณเศษที่ต่างกัน ซึ่งตัวเองก็ไม่ยืนยันว่าวิธีการคำนวณของผู้ใดถูกต้อง แต่สิ่งสำคัญของการคำนวณคือต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละพรรคได้จะต้องไม่เกินเกณฑ์จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละพรรคพึงมี ถ้าทำได้เช่นนี้ก็เชื่อว่าจะถูกตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร
แฟ้มภาพ