ที่กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวว่า กองทัพบกจะต้องมีการพัฒนาตัวเองในการเป็นทหารอาชีพ จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจ โดยเฉพาะนิสิตนักศึกษา ว่าปัจจุบันกองทัพบกมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รวมถึงผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาค และผู้บังคับหน่วยถือเป็นต้นแบบให้กับทหารในกองทัพบก ในนามของหน่วยทหารเฉพาะกิจมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 ทั้งเรื่องระเบียบวินัย และลักษณะทหารที่ดี กองทัพบกเป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่จะต้องทำงานเพื่อพิทักษ์ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ตนและกองทัพไม่ได้ทำงานการเมือง
ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงมีพระราชดำรัสเน้นย้ำอยู่เสมอว่าทหารจะต้องอยู่เคียงข้างประชาชนอย่างแท้จริง และขอให้คำมั่นว่าทหารยุคนี้จะอยู่เคียงข้างกับประชาชนอย่างแท้จริง โดยจะวางตัวอยู่ในบทบาทของทหารในการปกป้องประเทศ อธิปไตย และช่วยเหลือประชาชนทุกเรื่อง ซึ่งต้องทำอย่างจริงจัง ขอให้มั่นใจว่าจะดูแลปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างดี
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวด้วยว่า เรื่องการเมืองต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมีการบิดเบือนหลายประการ ซึ่งยอมรับว่ากองทัพมีจุดอ่อนในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ซึ่งเป็นสื่อที่ทรงอานุภาพมากกว่าอาวุธที่กองทัพมีอยู่ ทั้งไม่ยอมรับกติกาที่มีอยู่ มีการแบ่งแยกระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการ ซึ่งเป็นเพียงวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมา ถามว่าเราเป็นคนไทยด้วยกันหรือไม่ วาทกรรมนี้มีเป้าหมายเพื่ออะไร เพื่อแบ่งแยกประชาชนที่ใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกตั้งคำถามว่า เหตุใดจึงไม่เคารพกติกาแล้วไปสู้กันในสภาฯ โดยยกตัวอย่างว่าในชีวิตเคยผ่านและเห็นการปฏิวัติ รัฐประหาร รวมถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แม้กระทั่งการทำสัตยาบรรณตั้งแต่สมัยพ.ศ. 2534 ที่มีอดีตนักการเมืองหลายคนที่ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว ร่วมลงสัตยาบรรณ อาทิ นายมนตรี พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคกิจสังคม และนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย เพื่อตั้งรัฐบาล แต่ท้ายที่สุดก็มีการฉีกสัตยาบรรณทิ้ง นี่คือวาทะการเมืองและเกมการเมือง เป็นกิจกรรมทางการเมืองที่ถูกชี้นำโดยนักการเมืองแบบเดิม ๆ หรือพวกซ้ายตกขอบ ส่วนกรณีนิสิตนักศึกษาที่ออกมาใช้เสียงครั้งแรก ตนและทหารขอชื่นชม แต่เมื่อประชาชนใช้สิทธิ์ไปแล้ว เหตุใดนักการเมืองจึงไม่มีการจับมือกันและไปต่อสู้กันในสภาฯ ต่างคนต่างทำหน้าที่เพื่อให้ประเทศชาติก้าวต่อไปข้างหน้า หากเป็นรัฐบาลแล้วทำไม่ดี ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ทำไมต้องมานั่งเถียงกัน แบ่งแยกแบ่งข้างกัน ทำให้ชาวโลกประเทศต่าง ๆมานั่งขำประเทศไทย ทั้งที่เราอยู่ภายใต้แผ่นดินไทย และภายใต้โพธิสมภารกันทั้งสิ้น
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวด้วยว่า กองทัพบกเป็นเพียงองค์กรหนึ่งไม่สามารถขับเคลื่อนประเทศทั้งประเทศได้ หรือทำอะไรให้รักประเทศได้ แต่ถามว่าเราเป็นคนไทยด้วยกันหรือไม่ ซึ่งจากที่เห็นหลายคนแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กและไอจีต่างๆ ทำให้ยอมรับว่านี่คืออาวุธที่มีอานุภาพและมีประสิทธิภาพมากกว่าอาวุธใด ๆที่กองทัพมีอยู่ แต่พี่น้องประชาชนและนิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่ก็เรียนในประเทศไทย และจบการศึกษาที่นี้ รับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ เราเติบโตกันที่นี้ หลายคนเป็นนักธุรกิจเมื่อมีเงินมีทองขึ้นมาก็เพราะแผ่นดินไทย จึงชื่นชมกับเศรษฐีที่มีเงิน มีอำนาจ มีบารมีหลายคนกระทำความผิด แล้วยอมรับกติกาของประเทศ ยอมรับกระบวนการยุติธรรมแม้ว่าศาลจะตัดสินให้ต้องโทษจำคุก เพราะถ้าไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม เราจะอยู่กันได้อย่างไรในเมื่อศาลฎีกาที่เป็นผู้ทรงอำนาจด้านการยุติธรรมสูงสุดของประเทศ
นิสิต นักศึกษา ครูอาจารย์ ข้าราชการหลายคน ได้ทุนจากราชการหรือทุนในวังไปเรียนต่างประเทศ ซึ่งระบอบประชาธิปไตยในโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีวัฒนธรรมของตัวเอง ไม่ว่าจะไปเรียนที่ไหนหรือไปเอาตำราใครมาก็ควรนำมาดูและดัดแปลง แต่ไม่ใช่พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประชาธิปไตย อย่าไปเอาความเป็นซ้ายจัดที่ไปเรียนมาแล้วดัดจริต ประเทศอื่นไม่มีแบบนี้ นี่คือเมืองสยามที่เป็นเมืองแห่งรอยยิ้ม เรามีระบอบประชาธิปไตยของเราแบบไทย ๆ สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือขอให้คนไทยรักกัน และหันหน้าเข้าหากัน จะเป็นฝ่ายใดก็คือคนไทย เมื่อกรีดเลือดออกมาก็คือคนไทยที่มีเลือดบรรพบุรุษปกป้องผืนแผ่นดินไทย ขอให้หยุดวาทกรรมต่าง ๆ ใครไม่ดีก็ปล่อยให้เป็นไปตามครรลอง ต้องพิสูจน์ด้วยงานและฝีมือ ถ้าหากตนทำไม่ดีก็จะถูกย้ายไป ทุกคนต้องให้โอกาสกัน เกมใครเกมมัน เมื่อกรรมการตัดสินแล้วก็มาโทษกรรมการ มวยชกกันแพ้ก็มาโทษกรรมการ ถ้าเป็นแบบนี้มันไม่มีวันจบ โดยเฉพาะวัฏจักรแห่งการล้างแค้นและความไม่พึงพอใจไม่มีวันจบ
...
รีไรท์