ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันที่ 2 เมษายน 2562

การเมืองของสหราชอาณาจักร หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนสมาชิกรัฐสภาในสังกัดพรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ยื่นจดหมายเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี เร่งรัดกระบวนการออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป หรือที่เรียกว่าเบร็กซิต แต่ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันจันทร์ นายกรัฐมนตรีก็ยังไม่ได้นำข้อตกลงฉบับที่ได้รับความเห็นชอบจากสหภาพยุโรปเข้าสู่การพิจารณา ซึ่งจะเป็นการพิจารณาเป็นครั้งที่ 4 ก่อนที่จะถึงกำหนดวันที่ 12 เมษายนนี้

โดยเมื่อวันเสาร์ กลุ่มผู้ต่อต้านเบร็กซิตกว่า 1,000 คนร่วมการชุมนุมบริเวณชายแดนระหว่างไอร์แลนด์เหนือกับไอร์แลนด์รวม 6 จุด ซึ่งนับตั้งแต่มีการลงประชามติเมื่อปี 2559 มีการชุมนุมประท้วงในพื้นที่นี้มาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากการออกจากกลุ่มเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่

และในการประชุมนัดวันจันทร์ก็ปรากฏว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีการอภิปรายกันอย่างยาวนานโดยไม่มีท่าทีว่าจะได้ข้อยุติ ปรากฏว่ามีผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่ง ที่นั่งอยู่บนส่วนของผู้สังเกตการณ์การประชุม ลุกขึ้นยืนและถอดเสื้อผ้าประท้วง เพื่อแสดงออกว่า พวกเขารู้สึกเบื่อหน่ายที่สมาชิกสภาเสียเวลาให้กับการอภิปรายที่ไม่สิ้นสุดจนไม่ได้แก้ไขปัญหาอื่น ๆ โดยเฉพาะปัญหาโลกร้อน ซึ่งนายจอห์น เบอร์คาว ประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นว่ามีการประท้วงเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ขัดขวาง อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ต้องเข้ามาควบคุมตัวทั้งหมดออกไป

ที่เวเนซุเอลา ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ประกาศแผนการจำกัดการใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศเป็นเวลา 30 วัน เพื่อรับมือกับปัญหาไฟดับที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และทำให้เกิดปัญหาน้ำไม่ไหลตามมา ซึ่งเขากล่าวหาว่าเป็นการก่อวินาศกรรมที่มีสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลัง โดยในมาตรการนี้ ยังรวมถึงการให้เด็กนักเรียนหยุดเรียนอีกระยะและให้คนทำงานทั้งรัฐและเอกชนเลิกงานในเวลา 14:00 น.

ทั้งนี้ เวเนซุเอลา มีเหตุไฟฟ้าดับเกิดขึ้นหลายครั้งเนื่องมาจากวิกฤติเศรษฐกิจ โดยในช่วงต้นเดือนมีนาคม เกิดไฟดับครอบคลุมพื้นที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ เป็นเวลานานนับสัปดาห์ ทำให้มีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้น

ซึ่งในเวลาเดียวกันยังมีความตึงเครียดทางการเมือง และนายฮวน กุยโด ประธานสมัชชาแห่งชาติที่ประกาศตนเป็นประธานาธิบดี ยังเรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมประท้วงทุกครั้งที่ไฟฟ้าดับ

ที่เนปาล เกิดพายุฝนฟ้าคะนองถล่มทางใต้เมื่อคืนวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหลายหมู่บ้านของเมืองบาราและเมืองปารสา เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตแล้ว 30 ศพ บาดเจ็บ 400 ราย ระบบสาธารณูปโภคเสียหาย กองทัพเนปาลส่งกำลังเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยที่เมืองบาราระบบสาธารณูปโภคเสียหายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นถนน เสาไฟฟ้า เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ และระบบประปา รวมไปถึงโรงพยาบาล นายกรัฐมนตรีคัดกา ปราสาด ชาร์ม โอลี แสดงความเสียใจต่อผู้ประสบภัยพิบัติ ทั้งยอมรับว่าการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทำได้ยากเพราะเหตุเกิดในช่วงกลางคืน ทางเข้าหมู่บ้านถูกตัดขาด เพราะมีต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักล้มกีดขวางเส้นทาง

ทั้งนี้ เหตุพายุรุนแรงที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยในเนปาล เพราะโดยทั่วไปจะมีพายุเกิดขึ้นในระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม

กระทรวงศึกษาธิการจีน รายงานว่า ในปี 2561 มีนักศึกษาชาวจีนศึกษาต่อในต่างประเทศกว่า 662,100 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 กว่าร้อยละ 8.83 เป็นกลุ่มนักศึกษาต่างชาติที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก โดยร้อยละ 90 ศึกษาต่อต่างประเทศโดยอาศัยเงินทุนส่วนตัว โดยมีนักศึกษาจำนวน 65,800 คน ได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาจากหน่วยงานต่างๆ ส่วนใหญ่จะศึกษาต่อในภูมิภาคยุโรปและอเมริกาเหนือ

จำนวนนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาแล้วเดินทางกลับมาประเทศคือ 519,400 คน เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนหน้าร้อยละ 8  โดยนับตั้งแต่ปี 2521 มีชาวจีนราว 5 ล้าน 8 แสนคนที่เดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศ สำเร็จการศึกษาจำนวน 4 ล้าน 3 แสนคน เดินทางกลับจีน 3 ล้าน 6 แสนคน โดยรัฐบาลจะให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ที่จบการศึกษาจากต่างประเทศกลับมาสร้างธุรกิจในภูมิลำเนา เพื่อโน้มน้าวใจให้ผู้มีศักยภาพกลับมาเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศ

ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้นหลังจากที่โอเปกลดกำลังการผลิต สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 1.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ส่วนเบรนต์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 329.74 จุด หรือร้อยละ 1.27 ปิดที่ 26,258.42 จุด

เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 32.79 จุด หรือร้อยละ 1.16 ปิดที่ 2,867.19 จุด

แนสแดค เพิ่มขึ้น 99.59 จุด หรือร้อยละ 1.29 ปิดที่ 7,828.91 จุด

...