จากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ เตือนว่าสถานการณ์ชายแดนที่ติดต่อกับเม็กซิโกใกล้ถึงจุดวิกฤติ ต่อมาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ตัดงบประมาณในโครงการให้ความช่วยเหลือ 3 ประเทศในอเมริกากลาง คือ เอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลา และฮอนดูรัส เพื่อกดดันให้รัฐบาลทั้ง 3 ประเทศเร่งยุติการอพยพหนีความยากจนและความรุนแรงภายในประเทศ มายังสหรัฐฯ พร้อมเตือนเม็กซิโกว่า จะปิดจุดผ่านแดน หากเม็กซิโกไม่มีการแก้ไขปัญหา และล่าสุดทางกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แจ้งว่า ได้รับทราบคำสั่งของประธานาธิบดีแล้ว และจะมีผลต่อเงินโครงการที่เหลือจากปีงบประมาณ 2560 และ 2561 แต่โฆษกกระทรวงไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นเพิ่มเติม ด้านหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า เงินงบประมาณคงค้างของทั้ง 2 ปีมีจำนวนประมาณ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2560 กัวเตมาลาได้รับงบประมาณสนับสนุน 248 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฮอนดูรัสได้รับ 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเอลซัลวาดอร์ 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้านกลุ่มผู้คัดค้าน และกลุ่มองค์กรอาสาสมัครแสดงความกังวล โดยระบุว่า เงินงบประมาณในโครงการนี้ ที่รัฐบาลทั้ง 3 ประเทศนำไปใช้เพื่อการสร้างงาน และหยุดการอพยพ กลุ่มองค์กรเอกชนอย่างกลุ่มความมั่นคงพลเมืองละตินอเมริกา ระบุว่า วิธีที่ดีที่สุดในการยับยั้งการย้ายถิ่นฐาน ก็คือการกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ และลดความรุนแรง ซึ่งจากการที่โครงการนี้เริ่มขึ้นในปี 2559 ภายใต้รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา จึงถือว่าเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าโครงการนี้ประสบความล้มเหลว ส่วนนักการเมืองจากพรรคเดโมแครต วิจารณ์ว่าเป็นการดำเนินนโยบายโดยประมาท
...