ที่ประชุมบริหารจัดการน้ำ ให้ผู้ว่าฯแต่ละจังหวัด ทำแผนช่วยภัยแล้งให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้

สถานการณ์ภัยแล้งของประเทศในขณะนี้ นายสำเริง แสงภู่วงศ์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เปิดเผยว่า พื้นที่เสี่ยงประสบภาวะภัยแล้งแยกออกเป็น 2 ส่วนหลัก โดยในส่วนของน้ำอุปโภคบริโภคมีพื้นที่เสี่ยงอยู่ 23 จังหวัด แบ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตและนอกเขตของการประปาส่วนภูมิภาค โดยพื้นที่ในเขตของการประปาส่วนภูมิภาคที่มีอยู่ 18 จังหวัด มีการวางแผนจัดการให้มีน้ำใช้ได้จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมแล้ว ส่วนพื้นที่นอกเขตการประปาส่วนภูมิภาคอีก 7 จังหวัด ซึ่งมี 2 จังหวัดที่อยู่ในเขตการประปาส่วนภูมิภาคด้วย วันนี้ที่ประชุมมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดของแต่ละจังหวัดเป็นแม่งานจัดทำแผนบริหารช่วยเหลือให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ ควบคู่ไปกับการสำรวจแหล่งน้ำใกล้เคียงเพื่อนำน้ำเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวด้วย เช่นเดียวกับในพื้นที่ต่างๆที่ไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำก็จะใช้รถบรรทุกน้ำเพื่อนำน้ำเข้าไปในแหล่งน้ำชุมชนหรืออาจสูบน้ำเข้าคลอง เป็นต้น

รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ยืนยันว่า ในพื้นที่เขตชลประทานจะมีน้ำเพียงพอไปจนถึงฤดูฝน แม้ปัจจุบันจะมีการทำการเกษตรเกินจากแผนไปกว่า 1,180,000 ไร่ ใน 32 จังหวัด ทำให้จะต้องนำน้ำสำรองที่วางแผนไว้ใช้ช่วงฤดูฝนมาใช้ก่อน ส่วนพื้นที่นอกเขตชลประทานถ้าไม่มีการทำการเกษตรเพิ่มก็จะมีน้ำเพียงพอเช่นกัน แต่ก็รับว่าในบางพื้นที่อาจประสบปัญหาการนำน้ำมาใช้ในการทำการเกษตร ทั้งนี้ในพื้นที่นอกเขตชลประทานจะมีการสูบน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆเพื่อนำน้ำเข้ามาช่วยเหลือประชาชน แต่ถ้าสุดท้ายแล้วมีพื้นที่ใดเกิดความเสียหายจากภาวะภัยแล้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะหามาตรการเยียวยาช่วยเหลือตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายในที่ประชุมคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในวันนี้ว่า ทุกพื้นที่และทุกกิจกรรมของการบริหารจัดการน้ำจะต้องมีเจ้าภาพดูแล เช่น พื้นที่นอกเขตการประปาส่วนภูมิภาคก็จะมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ดูแล เป็นต้น โดยปัจจุบันมีอยู่ 3 จังหวัดที่ได้รับการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภาวะภัยแล้งแล้ว ประกอบด้วย จังหวัดศรีสะเกษ, ร้อยเอ็ด และจังหวัดตราด

ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร