การประกาศผลเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ สส.แบบแบ่งเขตทั่วประเทศทั้ง 350 เขตเลือกตั้ง อย่างไม่เป็นทางการ จากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พบว่าพรรคเพื่อไทยมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยชัยชนะถึง 137 เขตเลือกตั้ง ตามด้วยพรรคพลังประชารัฐ 97 ต่อด้วยพรรคภูมิใจไทย 39 พรรคประชาธิปัตย์ 33 พรรคอนาคตใหม่ 30 พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคประชาชาติเท่ากันที่พรรคละ 6 เขตเลือกตั้ง ที่เหลืออีก 2 เป็นของพรรครวมพลังประชาชาติไทยและพรรคชาติพัฒนาอย่างละ 1 เขตเลือกตั้งเท่ากัน ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานคร 30 เขตเลือกตั้ง พบว่าพรรคพลังประชารัฐคว้าชัยชนะมากที่สุดถึง 12 เขต ตามด้วยพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่อย่างละ 9 เขต โดยพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมในบางเขตเลือกตั้งของกรุงเทพฯครั้งนี้กลับไม่มีผู้แทนของพรรคคว้าชัยชนะเลยแม้แต่คนเดียว
นอกจากนี้ยังพบว่ามีหลายพรรคที่คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตแบบยกจังหวัด เช่น พรรคอนาคตใหม่ที่ได้พื้นที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดจันทบุรีทั้งจังหวัด, พรรคภูมิใจไทยที่ยังรักษาฐานเสียงเดิมในจังหวัดบุรีรัมย์ ด้วยการคว้าชัยชนะทั้ง 9 เขตเลือกตั้ง เช่นเดียวกับพรรคชาติไทยพัฒนาที่ก็ยังครองพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีไว้ได้ยก 6 เขตเลือกตั้งของจังหวัด นอกจากนี้ยังมีพรรคพลังประชารัฐที่ได้ผู้แทนในจังหวัดชัยนาทและเพชรบุรีทั้งจังหวัด รวมไปถึงพรรคเพื่อไทยที่ชนะในพื้นที่มหาสารคามและมุกดาหารยกจังหวัดด้วยเช่นกัน
สำหรับผลคะแนนที่ออกมา ยังต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง พิจารณา ข้อร้องเรียน ก่อนจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งคาดว่า จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้ภายในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 หลังจากประกาศรับรองผลแล้ว จะนำคะแนนที่ประกาศรับรองไปคำนวณหาผู้ที่จะได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่ออีก 150 คนของแต่ละพรรคการเมืองต่อไป เพื่อให้ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครบ 500 คน
ดังนั้น หากผลคะแนนดังกล่าวไม่มีการเปลี่ยนแปลงจะเท่ากับว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว และจะทำให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หนึ่งในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจะอยู่ในสถานะเดียวกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หนึ่งในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคเช่นกัน นั่นคือ ทั้งคู่จะไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งครั้งนี้ และจะไม่มีสิทธิเข้าประชุมสภาหรืออภิปรายใดๆในรัฐสภาทั้งสิ้น หากไม่สามารถนำพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ