มัสยิดในนิวซีแลนด์เปิดให้ปฏิบัติศาสนกิจอีกครั้ง หลังเกิดเหตุกราดยิง

มัสยิดอัล-นูร์ ในเมืองไครสต์เชิร์ชของนิวซีแลนด์กลับมาเปิดเพื่อรองรับการปฏิบัติศาสนกิจแล้ว หลังจากปิดไปนานกว่า 1 สัปดาห์ เนื่องจากเกิดเหตุคนร้ายบุกกราดยิงภายในมัสยิด พร้อมมัสยิดอีกแห่งหนึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 50 ศพ โดยการเปิดให้เข้ามัสยิดในวันนี้ ทางการนิวซีแลนด์ยอมให้ชาวมุสลิมเข้าไปภายในอาคารมัสยิดในช่วงเวลากลางวันได้เพียง 15 คนเท่านั้น เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการสอบสวนคดี และพื้นที่บางส่วนยังต้องซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะเปิดมัสยิดตามปกติได้เมื่อใด
ขณะที่ชาวเมืองไครสต์เชิร์ชราว 3,000 คนได้ร่วมกันเดินขบวนไปตามถนนสายสำคัญของเมือง เพื่อแสดงพลังแห่งความรักและระลึกถึงเหยื่อจากเหตุรุนแรงดังกล่าว ผู้เดินขบวนบางคนชูป้ายเรียกร้องสันติภาพและป้ายต่อต้านการแบ่งแยกเชื้อชาติร่วมด้วย
ก่อนหน้านี้ นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์เพิ่งประกาศห้ามครอบครองอาวุธปืนสงครามและปืนไรเฟิ่ลทุกชนิด โดยคาดว่ากฎหมายใหม่จะมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 11 เมษายนนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะกระทบต่อผู้ที่ครอบครองอาวุธปืนในปัจจุบันที่จะต้องขายคืนให้กับทางการ คิดเป็นจำนวนกว่า 200 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือราว 4,300 ล้านบาท แต่ผู้นำหญิงของนิวซีแลนด์ก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องจำเป็นในการสร้างหลักประกันด้านความปลอดภัยให้กับประชาชน