*ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.
+++รัฐบาลเนปาลวางแผนจะออกมาตรการคุมเข้มอุตสาหกรรมการไต่เขาให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น 1 สัปดาห์หลังพายุนอกฤดูกาลพัดถล่มเทือกเขาหิมาลัย มีคนเสียชีวิต 41 ศพ นับเป็นอุบัติภัยการไต่เขาครั้งร้ายแรงที่สุด ทำให้เกิดความสงสัยว่านักไต่เขาปฏิบัติถูกขั้นตอนความปลอดภัยหรือไม่ ในอนาคต นักไต่เขาทุกคนจะต้องลงทะเบียนก่อนจะไปทำการไต่เขาอันนะปุรณะ พร้อมเพิ่มเติมว่าเฉพาะคนนำทางที่มีใบอนุญาตและผ่านการฝึกอบรมอย่างถูกต้องเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้ทำหน้าที่นำทางได้ เขากล่าวอีกว่า สาเหตุหนึ่งที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเพราะนักไต่เขาอิสระหลายคน โดยเฉพาะนักปีนเขาที่ไม่มีคนนำทางตัดสินใจที่จะไต่เขาต่อไป แม้ว่าจะเกิดพายุ แทนที่จะหยุดพักและหาที่กำบัง เพื่อความปลอดภัย
+++นายสุรยา ซิลวัล รัฐมนตรีความมั่นคงภายใน กล่าวว่า กฏระเบียบใหม่นี้ ทางการเนปาลจะแจ้งนักไต่เขาและคนนำทางให้ทราบเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ สำหรับปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยขณะนี้ยุติลงแล้ว แต่ทีมกู้ภัยของรัฐบาลจะทำการเก็บกู้อีก 8 ศพที่ถูกฝังอยู่ใต้หิมะในเขตมานัง
+++นางแครี แลม เลขาธิการของรัฐบาลฮ่องกง กล่าวว่า รัฐบาลฮ่องกงหวังว่าจะมีการเจรจาเพิ่มเติมกับแกนนำกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย หลังการเจรจาทางเป็นทางการเป็นครั้งแรกในวันนี้ระหว่างเจ้าหน้าที่กับแกนนำนักศึกษา ล้มเหลว และหวังว่า จะมีการเจรจาขึ้นอีกหลายครั้ง เธอแถลงเรื่องนี้หลังการประชุม 2 ชั่วโมงกับแกนนำนักศึกษา ซึ่งจัดให้มีการประท้วงมากว่า 3 สัปดาห์ ทำให้ระบบจราจรในฮ่องกงติดขัดอย่างหนัก
+++แต่นางแลม ซึ่งกล่าวถึงการเจรจาวันนี้ว่าเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ กล่าวว่า รัฐบาลฮ่องกงยังมีจุดยึนที่หนักแน่นตามการยืนหยัดของรัฐบาลจีนที่ว่า ผู้สมัครเป็นผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงคนต่อไปจะต้องผ่านการกลั่้นกรองจากคณะกรรมการนิยมจีนก่อน ระบุว่าหากนักศึกษาไม่ยอมรับจุดยืนเรื่องนี้ เธอคิดว่าทั้งสองฝ่ายจะยังคงมีทัศนะที่แตกต่างกันต่อไป
ก่อนหน้านี้ นายเลียง ชุนอิง หัวหน้าคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง กล่าวให้สัมภาษณ์ว่าการเลือกตั้งอย่างเสรีตามที่กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องนั้นจะส่งผลให้คนส่วนใหญ่คือ คนยากคนจนมีบทบาทสำคัญในการเมืองของฮ่องกงมากขึ้น แต่ก่อนการเจรจาในวันนี้ เขาเสนอเรื่องการปฏิรูปการเมืองอย่างจำกัด โดยเฉพาะการจัดตั้งคณะกรรมการเลือกตั้งที่มีแนวคิดประชาธิปไตย ก่อนการเลือกตั้งในปี 2560
+++เจ้าหน้าที่ความมั่นคงและแพทย์ของอิรัก กล่าวว่าเหตุระเบิดรถยนต์ 2 ครั้งในย่านชุมชนชาวมุสลิมชีอะห์ ทางตอนเหนือของกรุงแบกแดดของอิรักในวัน
นี้ มีคนเสียชีวิต 12 คนและบาดเจ็บ 40 คน เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นในบริเวณลานจอดรถในเขตทัลบิยาห์ นับเป็นเหตุระเบิดล่าสุดที่เกิดขึ้นในย่านชุมชนชาวชีอะห์ในเมืองหลวง หลังมีคนเสียชีวิตหลายคนจากเหตุรุนแรงในช่วง 3 วัน
เบื้องต้นยังไม่มีกลุ่มใดอ้างความรับผิดชอบ แต่กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม(ไอเอส)ซึ่งยึดหลายพื้นที่ของอิรักนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนกล่าวว่า พวกเขาได้ก่อเหตุโจมตีในลักษณะนั้นในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เมื่อมือระเบิดได้กดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายในบริเวณสุเหร่าของชาวชีอะห์ในกรุงแบกแดด เมื่อวันอาทิตย์และวันจันทร์ มีคนเสียชีวิตรวม 33 คน ขณะเดียวกัน กลุ่มไอเอสและกลุ่มหัวรุนแรงชาวสุหนี่มองชาวชีอะห์ว่า เป็นพวกนอกศาสนาและมักจะก่อเหตุรุนแรงต่อคนกลุ่มนั้น คนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอิรักและพันธมิตรกลุ่มติดอาวุธชาวชีอะห์พยายามช่วยกันป้องกันไม่ให้กลุ่มไอเอสบุกเข้ายังกรุงแบกแดด หลังสู้รบอย่างดุเดือดมาหลายเดือน แต่กลุ่มไอเอสก็ยังสามารถจะบุกเข้าไปก่อเหตุระเบิดในเมืองหลวงได้หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา
+++หนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ของออสเตรเลีย รายงานว่า นายอับดุลลาห์ เอลมีร์ วัย 17 ปี ซึ่งหลบหนีออกจากออสเตรเลีย เพื่อเข้าร่วมกับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม(ไอเอส)ในอิรักและซีเรียได้ปรากฏตัวในคลิปวีดิทัศน์ของกลุ่มไอเอสเมื่อเร็วๆนี้ เด็กวัยรุ่นคนดังกล่าวได้เรียกตัวเองในคลิปวีดิทัศน์ว่า นายอาบู คาเล็ด ได้ถือปืนไรเฟิล และขอพูดโดยตรงกับนายกรัฐมนตรีโทนี แอบบ็อตของออสเตรเลียว่าเขาจะไม่ยุติการสู้รบไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะ ก่อนหน้านี้ นายเอลมีร์ ได้หลบหนีออกจากบ้านพักในย่านแบงค์สทาวน์ กรุงซิดนีย์เมื่อเดือนมิถุนายน ตอนแรกเขาบอกกับครอบครัวว่าจะไปหาปลา ก่อนจะโทรศัพท์บอกแม่ของเขาในเวลาต่อมาว่า เขาอยู่ในตุรกีและจะข้ามแดนเข้าไปยังอิรักเพื่อร่วมสู้รบกับกลุ่มไอเอส ด้านโฆษกนายกรัฐมนตรีกล่าวในแถลงการณ์ว่า แถลงการณ์ในคลิปวีดิทัศน์นั้นเป็นการข่มขู่จากกลุ่มไอเอส และเป็นสาเหตุที่ออสเตรเลียเข้าร่วมกับสหรัฐฯและพันธมิตรเพื่อโจมตีกลุ่มไอเอสในอิรักเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ นอกจากนั้น ตำรวจปราบปรามก่อการร้ายของออสเตรเลียสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายคนระหว่างการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายเมื่อเดือนกันยายน พร้อมทั้งตั้งข้อหาคนเหล่านั้นฐานรับสมัครคน จัดหาทุนสนับสนุนและจัดส่งนักรบไปยังอิรักและซีเรีย
+++บีบีซี รายงานว่าผู้พิพากษาโทโกไซล์ มาซิปาของแอฟริกาใต้ได้ตัดสินจำคุก 5 ปีในคดีที่นายออสการ์ พิสตอเรียส นักวิ่งขาเหล็กชื่อดังวัย 27 ปี ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่าน.ส.รีวา สตีนแคมป์ แฟนสาววัย 29 ปี ในคืนวันวาเลนไทน์ปีก่อน ส่วนความผิดฐานพกพาอาวุธปืนโดยผิดกฏหมายนั้น ศาลได้สั่งให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี ขณะนี้เขาถูกนำตัวเข้ายังเรือนจำแล้ว ด้านพ่อแม่ของน.ส.สตีนแคมป์ กล่าวว่า พวกเขารู้สึกพอใจกับการตัดสินของศาลและรู้สึกโล่งอกที่คดีสิ้นสุดลงแล้ว ด้านนายอาร์โนลด์ ลุงของนายพิสตอเรียส กล่าวว่า ยอมรับการตัดสินของศาล ระบุว่า นายพิสตอเรียสจะต้องหาโอกาสทำความดีตอบแทนให้กับสังคม พร้อมเพิ่มเติมว่า ครอบครัวจะสนับสนุน และให้กำลังใจนายพิสตอเรียส ระหว่างการรับโทษอยู่ในเรือนจำ ก่อนหน้านี้ ศาลได้ตัดสินเมื่อเดือนก่อนว่า นายพิสตอเรียส ผิดฐานฆ่าคนตาย แต่ศาลยกฟ้องในประเด็นการฆ่าคนตายโดยเจตนา นายพิสตอเรียส กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขายิงแฟนสาวในคืนวันเกิดเหตุเนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่าขโมยขึ้นบ้านของเขาในกรุงพริทอเรีย การไต่สวนคดีนี้ตลอด 7 เดือนได้รับความสนใจจากสาธารณชนทั้งในแอฟริกาใต้และทั่วโลก/14.35 น.
+++ ข่าวลือที่ว่าธนาคารกลางยุโรปกำลังพิจารณาที่จะใช้วิธีการใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในนั้นรวมถึงขยายการซื้อสินทรัพย์ให้ครอบคลุมถึงหุ้นกู้ภาคเอกชน ส่งผลให้ราคาทองคำเมื่อวันอังคาร(21ต.ค.) ปิดบวกพอสมควร โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 7.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,251.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++ส่งผลดีต่อ ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 215.14 จุด (1.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,614.81 จุด ราคาน้ำมันบวกเล็กน้อยเมื่อวันอังคาร(21ต.ค.) จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดหมายของจีน ชาติผู้บริโภครายใหญ่
+++สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 10 เซนต์ ปิดที่ 82.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ ปิดที่ 86.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล