ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30 น.วันที่ 14 มีนาคม 2562

14 มีนาคม 2562, 06:15น.


+++อาคารสูง 3 ชั้นหลังหนึ่งของโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในย่านอิตาฟาจิ เมืองลากอส ไนจีเรีย ถล่มลงมาเมื่อเวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวานนี้ คาดว่ามีนักเรียนทั้งหมดกว่า 100 คน ติดอยู่ใต้ซากอาคาร ช่วงค่ำวานนี้ ทีมกู้ภัยพบศพนักเรียนแล้ว 8 ศพ และพยายามดึงผู้บาดเจ็บหลายคนจากใต้ซากอาคารเรียน ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน สื่อท้องถิ่น ตั้งข้อสังเกตว่าผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารมักจะใช้วัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน ขณะที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจก็ไม่เข้มงวดเรื่องการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคารเท่าที่ควร



+++มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ศพที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในบราซิล หลังมีวัยรุ่นชาย 2 คนบุกเข้าไปในอาคารแล้วเปิดฉากยิงด้วยอาวุุธปืน เมื่อเช้าวันพุธตามเวลาท้องถิ่น ตำรวจ เปิดเผยกับเอเอฟพีว่าในบรรดาผู้เสียชีวิตประกอบด้วยเด็กนักเรียน 5 คน, ผู้ใหญ่ 1 คนที่ทำงานอยู่ในอาคารดังกล่าวและบุคคลรายหนึ่งซึ่งยืนอยู่นอกโรงเรียน ส่วนที่เหลือได้แก่ 2 วัยรุ่นผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบจำนวนเด็กนักเรียนที่บาดเจ็บ เหตุยิงกันในโรงเรียนเกิดขึ้นไม่บ่อยนักในบราซิล แม้บราซิลติดอันดับต้นๆของประเทศที่มีเหตุรุนแรงมากที่สุดของโลก แต่ละปีจะมีเหตุฆาตกรรมมากกว่าที่อื่นๆ ขณะที่เหตุยิงกันภายในโรงเรียนครั้งรุนแรงที่สุดต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 ซึ่งครั้งนั้นมีเด็กนักเรียน 12 คนถูกยิงเสียชีวิตจากฝีมือของศิษย์เก่าของโรงเรียนแห่งหนึ่งในรีโอเดอจาเนโร บราซิล มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดมาก  แต่การหาซื้ออาวุธปืนแบบผิดกฎหมายก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยในประเทศนี้



+++ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สั่งระงับใช้เครื่องบิน737แม็กซ์ของโบอิ้ง หลังจากยุโรปและประทศอื่นๆหยุดใช้งานไปก่อนหน้านี้ เนื่องจาก ความกังวลด้านความปลอดภัย หลังจากเครื่องบินรุ่นดังกล่าวของสายการบินเอธิโอเปีย แอร์ไลน์ ประสบอุบัติเหตุครั้งเลวร้ายเมื่อวันอาทิตย์ หน่วยงานรัฐบาลกลางเยอรมนี ที่รับผิดชอบด้านการสืบสวนอุบัติเหตุทางอากาศ เปิดเผยว่า จะไม่รับทำหน้าที่วิเคราะห์กล่องดำจากเครื่องบินของสายการบินเอธิโอเปีย แอร์ไลน์ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเรื่องการตรวจสอบหาสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตก หลังจากก่อนหน้านี้โฆษกของสายการบิน บอกว่ากล่องดำที่เก็บกู้มาได้จะถูกส่งไปวิเคราะห์ในเยอรมนี

โฆษกของสายการบินเอธิโอเปีย แอร์ไลน์ ระบุว่านักบินได้แจ้งเกี่ยวกับปัญหาการควบคุมเครื่องบินและร้องขอเลี้ยวกลับ ในข้อเท็จจริงคือ เขาได้รับอนุญาตให้หันหัวเครื่องบินกลับ



+++หลังจากเมื่อวันอังคาร รัฐสภาสหราชอาณาจักร โหวตคัดค้านข้อตกลงเบร็กซิต หรือ ข้อตกลงที่สหราชอาณาจักรจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป หรืออียู เป็นครั้งที่สองด้วยคะแนน 391-242 เสียง ทั้งที่ นายกรัฐมนตรีเทรเซา เมย์ เพิ่งเสร็จสิ้นการหารือกับอียูและได้รับการรับรองว่าจะยอมผ่อนผันเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขบางอย่าง ล่าสุด เมื่อคืนนี้ รัฐสภาสหราชอาณาจักร ลงมติ 312- 308 เสียง ไม่เห็นชอบกรณีที่สหราชอาณาจักรจะออกจากอียู โดยไม่มีข้อตกลง ทำให้คืนนี้ที่ประชุมก็จะพิจารณาและลงมติกันต่อไปว่าจะขยายระยะเวลาในการออกจากอียูออกไปอีกหรือไม่จากวันที่ 29 มี.ค. หากรัฐสภา มีมติเรียกร้องให้อียูขยายกำหนดเวลาออกไป รัฐบาลก็จะต้องเจรจากับอียูในเรื่องดังกล่าว แต่หากรัฐสภามีมติไม่เรียกร้องให้อียูขยายกำหนดเวลาออกไป สหราชอาณาจักรก็จะแยกตัวออกจากอียูอย่างเป็นทางการตามกำหนดเดิม

นอกจากนี้ หากรัฐสภา มีมติเรียกร้องให้อียู ขยายกำหนดเวลาเบร็กซิตออกไปอีก 3 เดือน ก็จะทำให้ต้องมีการขยายเวลาของการบังคับใช้มาตรา 50 ซึ่งเป็นบทบัญญัติควบคุมกระบวนการเปลี่ยนผ่านเป็นเวลา 2 ปี ก่อนที่สหราชอาณาจักรจะแยกตัวอย่างสิ้นเชิงต่ออียู

การขยายเวลาเบร็กซิตหรือการขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 อาจส่งผลกระทบทางการเมืองหลายประการต่อสหราชอาณาจักร เช่น อาจมีการจัดการลงประชามติเบร็กซิตครั้งใหม่ หรืออาจมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ซึ่งอาจส่งผลให้สหราชอาณาจักรไม่มีการแยกตัวจากอียูในที่สุด ถึงตอนนี้กลุ่มที่เรียกร้องต้องการเบร็กซิต พยายามกดดันให้สหราชอาณาจักร ถอนตัวตามกำหนดโดยปราศจากข้อตกลง แต่นางเมย์ เตือนว่า ทางเลือกนี้จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ และ ส.ส. จำนวนมากเห็นด้วยกับนางเมย์ อย่างไรก็ตาม นางเมย์ เตือนว่า การถอนตัวโดยไม่มีข้อตกลงและการขยายเส้นตายเบร็กซิต ต่างไม่ได้แก้ปัญหาที่สหราชอาณาจักรเผชิญอยู่ขณะนี้ และอียูกำลังรอฟังว่าสหราชอาณาจักรจะเลือกอย่างไรระหว่างสองตัวเลือกนี้ 



+++นายฮิวจ์ กริฟฟิธส์ ผู้ประสานงานคณะกรรมาธิการด้านการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะทำงานชุดย่อยของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) กล่าวว่า กำลังมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินและที่มาที่ไปทุกด้าน ซึ่งอาจช่วยเชื่อมโยงกับการจัดซื้อรถยนต์ราคาแพงของนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ที่นำออกมาใช้งานให้สาธารณชนได้เห็นบ่อยครั้งขึ้น



ระหว่างการต้อนรับนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่กรุงเปียงยาง เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปีที่แล้ว นายคิม เดินลงจากรถยนต์โรลส์รอยซ์ แฟนทอม และรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ สีดำอีกหลายคัน เป็นพาหนะที่นายคิม และคณะใช้ระหว่างภารกิจเยือนสิงคโปร์ จีน และเวียดนาม นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์เล็กซัส แอลเอ็กซ์ 570 ที่นายคิม และคณะใช้งานระหว่างการประชุมที่กรุงเปียงยาง ร่วมกับประธานาธิบดีมุน แจ อิน ผู้นำเกาหลีใต้ เมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้วด้วย



ยูเอ็นเอสซี ประสานงานไปยังบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อขอรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจาก รถยนต์หรูทั้งหมดถือเป็นทรัพย์สินที่ยูเอ็นเอสซี ขึ้นบัญชีดำห้ามเกาหลีเหนือจัดซื้อ ขณะที่มีการตั้งสมมติฐานในเบื้องต้นว่ารถยนต์เหล่านี้น่าจะขนส่งจากรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ มายังเมืองต้าเหลียน ในมณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และผ่านทางท่าเรือในฮ่องกง โดยมีนายจอร์จ หม่า นักธุรกิจท้องถิ่นซึ่งมีสายสัมพันธ์กับรัฐบาลเกาหลีเหนือ คอยอำนวยความสะดวก



CR:BBC



 

ข่าวทั้งหมด

X