เมื่อวานนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ต้อนรับนายชิเกะคะสุ ซะโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ซึ่งเข้าสอบถามเรื่องการจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการระดับภูมิภาค ในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค ซึ่งจะต้องมีการแก้กฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับบริษัทต่างชาติที่จะเข้ามาตั้งสำนักงาน โดยให้มีความใกล้เคียงกับสิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง คาดว่า น่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากนั้น จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังสอบถามความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่ที่เกี่ยวข้องในประเทศพม่า ภายใต้ความร่วมมือของรัฐบาลไทยกับพม่า จึงเสนอว่าหากญี่ปุ่นสนใจก็พร้อมเปิดทาง แต่ต้องหารือกับพม่าก่อนว่าจะร่วมมือกันในลักษณะใด
ส่วนพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมประชุมกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ทั่วโลก 62 แห่ง เพื่อประเมินและจัดทำเป้าหมายการส่งออกในปี 2558 โดยให้ทูตพาณิชย์แต่ละภูมิภาค นำเสนอเป้าหมายการส่งออก คาดการณ์ปี 2557 และปี 2558 ซึ่งคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 4-5 จากมาตรการกระตุ้นในช่วง 3 เดือนหลังของปี 2557 โดยมีเป้าหมายคือการรักษาตลาดหลักในสหรัฐอเมริกาและหาตลาดใหม่ๆ ในตะวันออกกลาง
ขณะที่นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่กระทรวงพลังงาน เพื่อพิจารณาปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจีภาคขนส่ง และมีมติปรับเพิ่มราคาแอลพีจีภาคขนส่ง 0.63 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) หรือจากเดิมราคา 22 บาทต่อ กก. เป็น 22.63 บาทต่อ กก. มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคมนี้ ส่งผลให้ราคาแอลพีจีขนส่งเท่ากับแอลพีจีภาคครัวเรือน ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก พบว่ามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงขอความร่วมมือไปยังผู้ค้าน้ำมันให้พิจารณาลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95 แก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ 91 ประมาณ 50 สตางค์ต่อลิตร เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ
เมื่อวานนี้ กบง.ยังเห็นชอบปรับอัตราเพิ่มเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันดีเซล อีก 0.70 บาทต่อลิตร หรือจากเดิม 3.00 บาทต่อลิตร เป็น 3.70 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม แต่จะไม่ส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ยังคงราคาขายปลีกอยู่ที่ 29.39 บาทต่อลิตร
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยเริ่มมีสัญญาณการเข้าสู่ภาวะเงินฝืด เนื่องจากผู้ที่มีรายได้น้อยหางานทำได้ยาก จึงไม่มีกำลังจะใช้จ่าย แต่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง จึงต้องขอประเมิน หลังรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้ว ทั้งเร่งรัดให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังทุกหน่วยงานทั้งกรมสรรพากร ศุลกากร สรรพสามิต เปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนปัญหาข้าราชการประพฤติมิชอบ ส่วนผู้ที่ทำความดีก็ต้องให้แรงจูงใจ และหาทางปลูกฝังคุณธรรม นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยัง เตรียมเสนอแนวทางการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบผ่านโครงการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจพิจารณาภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์นับจากนี้ และหลังจากนั้นจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไปโดยเร็วที่สุด
และตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประเมินสถานการณ์ภัยแล้งปีนี้ไว้ว่า จะมีความรุนแรงที่สุดในรอบ 15 ปี และสถานการณ์น้ำทั้งในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง อยู่ในภาวะวิกฤติและไม่มีน้ำเพียงพอสำหรับการสนับสนุนการปลูกข้าวนาปรังของเกษตรกรในปีการผลิตที่จะถึงนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงออกมาตรการแก้ปัญหาผลกระทบจากภัยแล้ง โดยการจ้างงาน ชาวนา เพื่อซ่อมคูคลองในฤดูแล้ง นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรม ชลประทาน กล่าวว่า นอกจากนี้ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำแม่กลองแล้วกำลังพิจารณาการจ้างงานในลุ่มน้ำอื่นๆ เช่นกัน
และเรื่องการศึกษา นายพิษณุ ตุลสุข รองเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ จะมีการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เกี่ยวกับการแก้ปัญหาและพัฒนาระบบการผลิตครูในภาพรวม เพื่อนำเสนอ ครม. ซึ่งจากข้อมูลของคุรุสภาล่าสุด พบว่าปัจจุบันเด็กเก่งนิยมสมัครเรียนในคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์มากขึ้น ส่งผลให้คะแนนเฉลี่ย ของเด็กที่สอบได้ในคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์สูงกว่าคณะวิทยาศาสตร์ บางสาขา
...