สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) จัดการประชุมเครือข่ายข้อมูลเฝ้าระวังยาเสพติดอาเซียน ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 5 - 7 มีนาคม 2562 โดยมีพลตำรวจเอก ดร. เรืองศักดิ์ จริตเอก ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมด้วย พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สอาดพรรค คณะทํางานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) พันตำรวจตรีสุริยา สิงหกมล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายวีรวัฒน์ เต็งอำนวย รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ผู้แทนประเทศในภูมิภาคอาเซียน 10 ประเทศ ผู้แทนจากสำนักเลขาธิการอาเซียน เครือข่ายองค์กรวิชาการสารเสพติด และเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย รวม 100 คน ณ โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพมหานคร
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้โครงการเฝ้าระวังยาเสพติดอาเซียน ซึ่งเป็นการดำเนินงานของศูนย์ความร่วมมือด้านยาเสพติดอาเซียน หรือ ASEAN-NARCO โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศสมาชิกได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ยาเสพติดในภูมิภาค และจัดทำรายงานเฝ้าระวังสถานการณ์ยาเสพติดประจำปีฉบับที่ 4 ของภูมิภาคอาเซียน พร้อมร่วมกันพิจารณาทบทวนปรับปรุงร่างคู่มือระบบ ADM Report System ให้มีการปฏิบัติงานเป็นมาตรฐานเดียวกัน
สถานการณ์ในภูมิภาคอาเซียน จากรายงาน 3 ฉบับ (2015 - 2017) พบว่า มีตัวยาหลักที่แพร่ระบาดในภูมิภาค 5 ตัวยา คือ ATS (ยาบ้าและไอซ์) มีการแพร่ระบาดมากที่สุดในอาเซียน รองลงมา คือ เฮโรอีน กัญชา และฝิ่น ซึ่งมีการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ พบว่า ยาเสพติดที่ควรเฝ้าระวังในภูมิภาคอาเซียน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่ม ATS (ยาบ้าและไอซ์) และกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่ม NPS (สารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทชนิดใหม่) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งชนิดและปริมาณ อาทิ XLR-11 หรือ กัญชาสังเคราะห์ ที่เข้ามาแพร่ระบาดในภูมิภาคอาเซียน พบในเวียดนาม พบ Fly High ซึ่งเป็น Party Drug แพร่ระบาดในฟิลิปปินส์ และ พบการแพร่ระบาดของ Ketamine เป็นจำนวนมาก ในประเทศไทย เป็นต้น
ข้อมูลในระบบ ADM Report System ปี 2018 (มกราคม – มิถุนายน) พบว่า มีจำนวนคดียาเสพติดที่เกิดขึ้น 212,285 คดี พบในประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ด้านพฤติกรรมของบุคคล ยังพบกลุ่มนักค้าชาวต่างชาติที่เข้ามากระทำผิดในอาเซียน ทั้งในฐานะของนักค้าและผู้รับจ้างลำเลียงมีหลากหลายสัญชาติ โดยกลุ่มนักค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาเกี่ยวข้องมากที่สุด ในปี 2018 พบว่าจำนวนร้อยละ 99 คือ กลุ่มนักค้าจากประเทศในกลุ่มอาเซียน การประชุมในครั้งนี้ ได้ดำเนินมาจนถึงแผนระยะที่ 3 การพัฒนาฐานข้อมูล ซึ่งถือว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว จึงได้มีการวางแผนขยายการดำเนินงานตามแผนระยะที่ 4 พัฒนากลไกเก็บข้อมูลอาเซียน และแผนระยะที่ 5 พัฒนาเทคโนโลยี เพื่อนำไปสู่ความเชื่อมโยงเครือข่ายการทำงานภายในภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ จากการประชุมที่ผ่านมาทำให้เห็นถึงพัฒนาการของความร่วมมือที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในเชิงลึกมากขึ้นของประเทศสมาชิก จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในเชิงลึก ทำให้ทราบได้ว่า ขณะนี้ทุกประเทศในประชาคมกำลังเผชิญกับขบวนการค้ายาเสพติดที่เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกันระหว่างประเทศในประชาคม และการค้ายาเสพติดที่ทำการซื้อขายผ่านทาง Internet โดยใช้เงินสกุล Digital หรือ Bitcoin และการใช้บริการขนส่งพัสดุภัณฑ์เป็นช่องทางลำเลียงยาเสพติด ผลจากความร่วมมือดังกล่าว คือ การที่ทุกประเทศในประชาคมจะรู้เท่าทันสถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้ ทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยได้นำเอาข้อมูลที่ได้รับไปใช้ในการวางแผนกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศเพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากยาเสพติด
CR:ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ป.ป.ส.