นายกฯ รอปรึกษาทีมกฎหมายช่วยพปชร.หาเสียง อย่าห่วงเรื่องการสรรหาส.ว

หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง สถานะของตนเองว่าเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐ เสนอแผนการลงพื้นที่หาเสียง อยู่ระหว่างการหารือและต้องศึกษาข้อกฎหมายว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง เพราะวันนี้มีหลายคนจ้องจะฟ้อง ขอให้เห็นใจ อย่าเอาเป็นเอาตาย ในส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องก้ำกึ่งจึงต้องระวังไว้ก่อน โดยอาจต้องมีการปรับวิธี เพราะวันนี้ตนเองได้ลงพื้นที่ไปพบประชาชนอยู่แล้ว สามารถทำได้ตามกฎหมายทุกประการ  พร้อมทั้งย้ำว่า กำลังตัดสินใจอยู่เรื่องที่จะไปร่วมเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐที่จังหวัดนครราชสีมา และพื้นที่ในกรุงเทพฯหรือไม่ ส่วนทีมรักษาความปลอดภัยที่จะติดตามลงพื้นที่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ให้ไปถามทีมกฎหมาย เพราะยังอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ส่วนกระแสคนที่เลือกพล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่เลือกพรรคที่เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ส่วนตัวไม่รู้ว่าโพลนี้จัดทำขึ้นได้อย่างไร อาจจะถามแยกหัวข้อคำตอบ จึงต้องดูว่าคนจัดทำโพลต้องการอะไร เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน

ขณะที่ ปัญหาทางสายตาหลังการผ่าตัดตา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่หายดี ต้องระมัดระวังอีกสักระยะ และต้องใช้แว่นตาช่วยถนอมสายตา ป้องกันแสงแฟลชจากสื่อ พร้อมยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีส่วนตัดสินใจช่วยพรรคพลังประชารัฐ เพราะตากับใจ เป็นคนละเรื่อง ยืนยันด้วยว่า สุขภาพของตนเอง ยังแข็งแรงทุกอย่าง ใจก็แข็งแรง ไม่มีท้อแท้ ยังทำงานให้ประชาชน ทำเพื่ออนาคตไปด้วย 

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ความคืบหน้าในการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาของคณะกรรมการสรรหาที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานสรรหาว่า  ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า การสรรหาส.ว.มีคณะกรรมการสรรหา 2 ส่วน ทั้งจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. )ซึ่งขณะนี้ได้รายชื่อมาเรียบร้อยแล้วจำนวน 200 รายชื่อ และอยู่ระหว่างการคัดกรองให้เหลือ 50 คน และสำรองอีกจำนวนหนึ่ง และคณะกรรมการสรรหาส.ว.ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นผู้แต่งตั้ง ขออย่าห่วงในเรื่องนี้ เพราะต้องมีการคัดสรรจากทุกภาคส่วน ยืนยันว่า รายชื่อทั้งหมดไม่มีใครอยู่ในราชการ พร้อมเน้นย้ำว่า คณะกรรมการสรรหา มีขั้นตอนหลายอย่าง คณะกรรมการที่ตนเองตั้ง มีความรักประเทศไทย ต้องทำงานด้วยความเที่ยงธรรม และทำเพื่อชาติบ้านเมือง ให้ประชาธิปไตยมั่นคงแข็งแรง และไม่ให้ประเทศกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี