ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันที่ 1 มีนาคม 2562

01 มีนาคม 2562, 06:00น.


การประชุมครั้งที่ 2 ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กับนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือที่กรุงฮานอย เวียดนาม จบลงโดยไม่มีการทำข้อตกลง โดยประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดเผยว่า กระบวนการปลดนิวเคลียร์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องใช้ความรอบคอบ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เร่งรัดในเรื่องนี้ ส่วนนายคิมกล่าวว่า เป็นการเร็วเกินไปที่จะรับประกันรายละเอียดในข้อตกลงการปลดนิวเคลียร์ แต่เขาเห็นว่าการประชุมในครั้งนี้ได้ข้อสรุปที่ดี ส่วนในประเด็นการเปิดสำนักงานการทูตของสหรัฐฯ ในกรุงเปียงยาง หากเกิดขึ้นจริงจะถือเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ



นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ย้ำว่าสหรัฐฯสามารถเปลี่ยนแปลงเกาหลีเหนือให้กลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ หากการปลดอาวุธนิวเคลียร์เสร็จสิ้นสมบูรณ์ สาเหตุที่การประชุมในครั้งนี้จบลงโดยที่ไม่มีการทำข้อตกลงใด ๆ เนื่องจากนายคิมต้องการให้ยกเลิกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจทั้งหมด แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่เห็นด้วย ซึ่งในเวลาเดียวกัน นายคิมให้คำมั่นว่าจะไม่มีการทดสอบการยิงจรวด หรือขีปนาวุธหรืออาวุธใด ๆ ที่เกี่ยวกับนิวเคลียร์ ส่วนประธานาธิบดีทรัมป์ก็จะยังไม่มีการพิจารณาเพิ่มมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจ และยังไม่มีกำหนดการเกี่ยวกับการจัดการประชุมรอบที่ 3



อย่างไรก็ตาม นายรี ยอง โฮ รัฐมนตรีการต่างประเทศเกาหลีเหนือ เปิดแถลงข่าวที่กรุงฮานอย โดยยืนยันว่าเกาหลีเหนือยื่นข้อเสนอที่เป็นจริงต่อที่ประชุม ซึ่งรวมถึงรื้อถอนโรงงานนิวเคลียร์ยองบยอน และระงับการทดสอบนิวเคลียร์เพื่อแลกกับการยกเลิกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจบางส่วนเท่านั้น ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์ ทั้งนี้ นายรีกล่าวว่าสหรัฐฯ ต้องการให้การทำงานเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบทั้งพลูโตเนียมและยูเรเนียมต้องภายใต้การสังเกตการณ์ของสหรัฐฯ



ที่สหรัฐฯ นายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความของประธานาธิบดีทรัมป์ เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลกิจการบริหาร ของสภาคองเกรสของสหรัฐฯ โดยเรียกประธานาธิบดีทรัมป์ว่าเป็นคนหลอกลวงและโกหกจนติดเป็นนิสัย แต่ไม่มีการแสดงหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่าเขามีพฤติกรรมสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซียในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2559



ส่วนการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า การเจรจาดำเนินไปด้วยดี และขณะนี้กำลังมีการเจรจาเกี่ยวกับอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี, การเก็บภาษีถั่วเหลือง เนื้อวัว และพลังงาน ซึ่งเขาเชื่อว่าจะมีการทำข้อตกลงฉบับประวัติศาสตร์ในเร็วๆ นี้



ส่วนสถานการณ์ที่เวเนซุเอลา นายฮอร์เก อาร์เรอาซา รัฐมนตรีการต่างประเทศเวเนซุเอลา เรียกร้องให้มีการเจรจาโดยตรงระหว่างประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร กับประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อคลี่คลายวิกฤตเวเนซุเอลา แต่นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ทวีตข้อความว่าการเจรจาจะมีขึ้นก็ต่อเมื่อนายมาดูโรลงจากตำแหน่ง



นักการเมืองฝ่ายค้านของเวเนซุเอลาเปิดเผยว่า รัฐบาลนำทองคำอย่างน้อย 8 ตัน ออกจากห้องนิรภัยของธนาคารกลาง และมีแผนที่จะนำไปขายในต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยพบว่าการเคลื่อนย้ายเกิดขึ้นในขณะที่นายกาลิกซ์โต ออร์เตกา ผู้ว่าการธนาคารกลางเดินทางไปต่างประเทศ โดยเมื่อปี 2561มีรายงานว่ามีการนำทองคำ 23 ตันจากเวเนซุเอลาไปนครอิสตันบูล ของตุรกี และทำให้เหลือทองคำสำรองเพียง 140 ตัน อยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 75 ปี



กระทรวงการต่างประเทศของปากีสถานเปิดเผยว่า ทางการอินเดียได้ส่งมอบข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในแคว้นแคชเมียร์จนทำให้ทหารอินเดียเสียชีวิตกว่า 40 นายให้แก่รัฐบาลปากีสถานแล้ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างประเทศ



จากนั้นนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน ของปากีสถาน แถลงว่า ปากีสถานจะส่งกลับนักบินของอินเดียในวันนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาค พร้อมให้ความร่วมมือในการตามล่าตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย



โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลุ่มจาอิช เอโมฮัมหมัด อ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ โดยกลุ่มมีค่ายอยู่ในปากีสถาน เป็นเหตุให้อินเดียส่งเครื่องบินรบข้ามพรมแดนเข้ามาโจมตีค่ายของกลุ่ม จากนั้นกองทัพอากาศของปากีสถานยิงเครื่องบินรบของอินเดียตก 2 ลำ พร้อมกับควบคุมตัวนักบิน ทางกรมการบินพาณิชย์ของปากีสถานจึงประกาศปิดน่านฟ้า และสายการบินต่างๆต้องยกเลิกเที่ยวบิน



ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวที่กรุงฮานอยว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯกำลังเป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อผ่อนคลายวิกฤตการณ์ระหว่างอินเดียและปากีสถาน และความตึงเครียดจะยุติลงในไม่ช้า



ส่วนทางการจีนแถลงว่ามีการติดต่อกับอินเดียและปากีสถาน โดยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะยุติการสร้างความขัดแย้งในภูมิภาคและแก้ไขปัญหาผ่านทางการเจรจา



ราคาน้ำมันโลก สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ ปิดที่ 57.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



เบรนท์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 36 เซนต์ ปิดที่ 66.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ



ดาวโจนส์ ลดลง 69.16 จุด หรือร้อยละ 0.27 ปิดที่ 25,916.00 จุด



เอสแอนด์พี ลดลง 7.89 จุด หรือร้อยละ 0.28 ปิดที่ 2,784.49 จุด



แนสแดค ลดลง 21.98 จุด หรือร้อยละ 0.29 ปิดที่ 7,532.53 จุด



 ...

ข่าวทั้งหมด

X