+++สถานการณ์ระหว่างอินเดียและปากีสถานตึงเครียดหนัก เริ่มจากเมื่อช่วงกลางเดือน กลุ่มติดอาวุธในปากีสถาน คือ กลุ่มจาอิช อี โมฮัมหมัด อ้างว่าก่อเหตุระเบิดขบวนรถเจ้าหน้าที่อินเดียในแคว้นแคชเมียร์ เจ้าหน้าที่เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 40 นาย ทำให้อินเดีย เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มค่ายฝึกของกลุ่มติดอาวุธดังกล่าว ล่าสุด ปากีสถาน ตอบโต้ทันทีด้วยการส่งเครื่องบินทิ้งอาวุธหนักถล่มพื้นที่เป้าหมาย โฆษกกองทัพปากีสถาน เปิดเผยว่า ยิงเครื่องบินอินเดียตก 2 ลำ 1 ลำตกในปากีสถาน อีก 1ลำตกในอินเดีย พร้อมทั้งควบคุมตัวนักบินไว้ 2 คน ได้รับบาดเจ็บกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พร้อมทั้งยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการตอบโต้ แต่เป็นการแสดงให้เห็นศักยภาพของกองทัพปากีสถาน
ด้านตำรวจแคว้นแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย เปิดเผยว่า มีนักบิน 2 นาย และพลเรือน 1 คน เสียชีวิตหลังจากเครื่องบินตก และเร่งกู้ศพจากเฮลิคอปเตอร์กองทัพอากาศอินเดียที่ตกในแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย และกำลังตรวจสอบเหตุเครื่องบินอินเดียหายไป 1ลำ และนักบินสูญหายไป 1 คน
เหตุการณ์ตึงเครียดมากขึ้นจนทำให้ปากีสถาน ประกาศปิดน่านฟ้าทั้งประเทศ กระทบเที่ยวบินยุโรปของไทย การบินไทย ยกเลิกเที่ยวบินไปปากีสถานและยุโรป นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ) พร้อมด้วย พ.ต.อ.อำนาจ โฉมฉาย ผกก.ทท.1 บก.ทท.นำกำลังเจ้าหน้าที่ ฝรภ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำเมื่อวานนี้ ด้วยการแจ้งยกเลิกเที่ยวบินและเบอร์ติดต่อ Call Center ของสายการบินไทย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสอบถาม รวมถึงแนะนำวิธีการพักคอยและดูแลเรื่องสถานที่พัก เพื่อรอความชัดเจนในการเดินทางอีกครั้งในเช้าวันนี้ ผู้โดยสารที่จะเดินทางในเที่ยวบินของการบินไทย เพื่อไปยังเส้นทางที่ถูกยกเลิก สามารถโทรสอบถามได้ที่ THAI Contact Center โทร. 0-2356-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ www.thaiairways.com.
ขณะที่ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอิสลามาบัด ออกประกาศแจ้งเตือนชุมชนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางไปเมือง Azad Jammu and Kashmir และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้หมายเลข +923159009949 ตลอด 24 ชั่วโมง และทางเฟซบุ๊ก @Thai.Islamabad.
นายกรัฐมนตรีอิมราน ข่านของปากีสถาน เสนอพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ปากีสถาน พร้อมให้ความร่วมมืออยากให้อินเดียมาร่วมหารือหาทางออกร่วมกัน พร้อมย้ำว่า จะร่วมมือกับอินเดีย ตามล่าตัวผู้ก่อเหตุระเบิดขบวนรถเจ้าหน้าที่อินเดียในแคว้นแคชเมียร์
นางมาเรีย อาเดบาฮ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนี กล่าวว่า รัฐบาลเยอรมนีเรียกร้องให้มีการเจรจากันระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ขอให้ปากีสถาน เร่งปราบปรามกลุ่มติดอาวุธจาอิช อี โมฮัมหมัด
ด้านนายเมฟลุต คาวูโซลู รัฐมนตรีการต่างประเทศของตุรกี แสดงความกังวลเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้เหตุผลและความอดกลั้นแก้ปัญหา ตุรกีพร้อมจะช่วยหาแนวทางที่เหมาะสม
เช่นเดียวกับ จีน สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) เรียกร้องทุกฝ่ายให้เร่งแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
+++นายไมเคิล โคเฮน อายุ 52 ปี อดีตทนายความของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ กล่าวหา นายทรัมป์ว่ารู้เรื่องที่คณะทำงานในทีมรณรงค์หาเสียงของนายทรัมป์ เผยแพร่อีเมลหลายฉบับที่ทำให้นางฮิลลารี คลินตัน ได้รับความเสียหาย ช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 เขาจะส่งมอบเอกสารต่างๆให้กับคณะกรรมาธิการด้วย การชี้แจงเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่นายโรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษที่สอบสวนคดีรัสเซียแทรกแซงการเมืองสหรัฐฯเมื่อปี 2559 ใกล้จะสรุปผลสอบสวนคดี
+++การพบหารือในการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างนายทรัมป์ กับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เปิดฉากขึ้นแล้ว ด้วยการหารือกันและรับประทานอาหารค่ำร่วมกันที่โรงแรมโซฟิเทล เลเจนด์ เมโทรโพล ใจกลางกรุงฮานอย ทำเนียบขาวสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ผู้นำสหรัฐฯกับผู้นำเกาหลีเหนือ หารือกันอย่างไม่เป็นทางการ ประมาณ 10 นาที ตามด้วยการสนทนาพร้อมผู้ช่วยอีก 20 นาที จากนั้นรับประทานอาหารค่ำร่วมกันนานประมาณ 90 นาที จะพบหารือกันต่อในวันพฤหัสบดีที่ 28 ก.พ. โดยนายทรัมป์ มีนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ และนายมิค มัลวานีย์ รักษาการหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว นั่งเคียงข้าง ส่วนนายคิม มีนายคิม ยอง ชอล รองประธานพรรคคนงานเกาหลี และนายรี ยอง โฮ รัฐมนตรีต่างประเทศ
นายทรัมป์ เปิดเผยว่า การเจรจากับนายคิมในครั้งนี้น่าจะประสบความสำเร็จมาก และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เขาจะประกาศการสิ้นสุดสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการหรือไม่ นายทรัมป์ ตอบว่า ต้องรอดูผลเจรจาก่อน
ด้านนายคิม กล่าวว่า สหรัฐฯและเกาหลีเหนือ สามารถเอาชนะอุปสรรคได้จนมาถึงการประชุมครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างต้องใช้ความอดทน นับตั้งแต่การประชุมครั้งแรกที่สิงคโปร์ เขาหวังเช่นกันว่าการเจรจาครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ
หลังการหารือเสร็จสิ้น นายคิม จะใช้โอกาสเยี่ยมเยียนด้วยไมตรีต่อชาวเวียดนามจนถึงวันเสาร์ เมื่อวันจันทร์ เมื่อนายคิมเดินทางถึงเวียดนาม ได้เดินทางไปที่สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำกรุงฮานอย และกำชับเจ้าหน้าที่ทุกคนให้เพิ่มความจริงจังในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับเวียดนาม
CR:CNN,BBC