+++เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ลงนามโดยนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นกฎหมายลำดับรองจากพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 จำนวน 3 ฉบับ เกี่ยวกับการนิรโทษกรรมครอบครองกัญชาใน 3 กลุ่ม 3 ฉบับ มีผลบังคับใช้ในวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีการนิรโทษกรรมบุคคลครอบครองกัญชาให้มาแจ้งภายใน 90 วัน ประกอบด้วย 1.เรื่องการกำหนดให้ยาเสพติด ให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชาตกเป็นของกระทรวงสาธารณสุขหรือให้ทำลายกัญชาที่ได้รับมอบจากบุคคล ซึ่งไม่ต้องรับโทษ ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 2.เรื่องการครอบครองยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา สำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้เพื่อรักษาโรคเฉพาะตัวก่อน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 ใช้บังคับให้ไม่ต้องรับโทษ และ 3.เรื่องการแจ้งการมีไว้ในครอบครองกัญชา สำหรับผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 26/5 และบุคคลอื่นที่มิใช่ผู้ป่วยตามมาตรา 22 (2) ก่อน พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562 ใช้บังคับให้ไม่ต้องรับโทษ กล่าวคือ บุคคลที่ไม่ใช่กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า หลังมีการประกาศกฎหมายนิรโทษผู้ครอบครองกัญชา 3 กลุ่มแล้ว ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ผู้ที่ครอบครองกัญชาทั้ง 3 กลุ่ม สามารถเดินทางมาแจ้งการครอบครองได้เลย โดยในส่วนของกรุงเทพฯ แจ้งได้ที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ สำนักงาน อย. ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดสามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วน 1556 กด 3 ในวันและเวลาราชการ ซึ่งให้บริการตอบข้อซักถามในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกัญชาโดยตรง
+++เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ นายพนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแห่งประเทศไทย ในฐานะอนุกรรมการค่าจ้าง ฝ่ายวิชาการ กล่าวว่า ได้เสนอตัวเลขทั้งหมดให้คณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ชุดที่ 20 พิจารณาแล้ว ส่วนบอร์ดค่าจ้าง จะมีมติตามที่เสนอหรือไม่ต้องรอผลจากที่ประชุมไตรภาคี ที่ประกอบด้วย ตัวแทนฝ่ายนายจ้าง ตัวแทนฝ่ายลูกจ้าง และตัวแทนรัฐบาล นัดประชุมวันที่ 13 มีนาคม
กรณีที่เอกชนใน 40 จังหวัด ไม่ต้องการให้ปรับขึ้นค่าจ้าง เพราะกลัวกระทบเศรษฐกิจ เรื่องนี้มีการพิจาณาอย่างรอบคอบแล้ว การให้ปรับขึ้นค่าจ้างครั้งนี้ ไม่ได้มองเพียงเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำเท่านั้น แต่คณะอนุกรรมการได้มองในภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจด้วย ไม่ต้องการให้เกิดความเหลื่อมล้ำ และต้องการทำให้ผู้ใช้แรงงานกระจายตัวอยู่ในทุกพื้นที่ ไม่ให้ไปกระจุกตัวอยู่เฉพาะในจังหวัดที่ค่าจ้างสูง
+++คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา และสถานีเพิ่มเติม 3 สถานี คือ สถานีพระราม 6 สถานีบางกรวยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสถานีบ้านฉิมพลี ระยะทาง 14.8 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน 10,202.18 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงสร้างทางวิ่งระดับดิน 8.5 กม. และทางยกระดับ 5.3 กม. คาดว่าในปีแรกที่เปิดให้บริการจะมีผู้โดยสารประมาณ 47,570 คนต่อวัน และเพิ่มเป็น 104,570 คนต่อวันภายใน 20 ปี คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณเดือนมิถุนายน 2562 แล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2565
ครม.ยังอนุมัติโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม. วงเงินลงทุน 6,570.40 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงสร้างทางวิ่งระดับดินทั้งหมด มี 4 สถานี คาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 28,150 คนต่อวันในปีแรกที่เปิดบริการ และเพิ่มเป็น 64,080 คนต่อวันภายใน 20 ปี คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณเดือนสิงหาคม 2562 และเสร็จในเดือนกันยายน 2565 หลังจาก ครม.อนุมัติแล้ว การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเริ่มออกประกาศเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ภายใน 1-2 เดือนนี้ โดยจะดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (อี-บิดดิ้ง) เพื่อหาผู้รับเหมาเข้ามาก่อสร้างภายในปีนี้ และแล้วเสร็จในปี 2565
+++นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ประจำเดือนมกราคม 2562 พบว่า ปรับตัวลดลงในรอบ 4 เดือน มาอยู่ที่ระดับ 48.0 จากระดับ 48.4 เมื่อเดือนธันวาคม 2561 สะท้อนถึงความเชื่อจากข้อเท็จจริงของภาคเศรษฐกิจของจังหวัด ที่ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวช้าและไม่โดดเด่น ซึ่งหอการค้าในทุกภาค ยังมีความกังวลเรื่องทิศทางในอนาคต ซึ่งปัจจุบันภาคกลาง ตะวันออก เหนือ และใต้ ยังมีการปรับตัวลดลง ส่วนภาคอีสานและกรุงเทพฯยังทรงตัวอยู่ในระดับปกติ ผลสำรวจดังกล่าวยังไม่สามารถสรุปได้ว่าบรรยากาศหลังการเลือกตั้งจะมีความคึกคักหรือไม่เพราะไม่มีข้อมูลบ่งชี้ แต่คาดว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม เงินสะพัดจากการเลือกตั้งจะช่วยดึงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวในทุกพื้นที่ ส่วนการท่องเที่ยว ต้องดูตัวเลขในเดือนกุมภาพันธ์ว่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นหรือไม่ คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้น
+++สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 55.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 45 เซนต์ ปิดที่ 65.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับตลาดน้ำมัน และได้เรียกร้องโอเปก ผ่อนปรนราคาที่เขาระบุว่าสูงเกินไป
+++ด้านหุ้นวอลล์สตรีท ปิดลบในกรอบแคบๆ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ย้ำถึงแนวทางอะลุ่มอล่วยต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งเป็นไปตามที่นักสังเกตการณ์คาดหมายไว้อยู่แล้ว ดาวโจนส์ ลดลง 33.97 จุด ปิดที่ 26,057.98 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 2.21 จุด ปิดที่ 2,793.90 จุด แนสแดค ลดลง 5.16 จุด ปิดที่ 7,549.30 จุด
+++ส่วนราคาทองคำ ขยับลง 1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,328.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++ศาลปกครองกลาง นัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีที่บริษัทวอยซ์ ทีวี จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) กับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และนัดอ่านคำพิพากษาในเวลา 16.00 น. โดยข้อพิพาทดังกล่าวบริษัทวอยซ์ ทีวี จำกัด ได้ยื่นฟ้องกสทช. ว่ากระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในการออกมติให้ระงับการออกอากาศ Voice TV เป็นเวลา 15 วัน นับตั้งแต่ 00.01 น. ของวันที่ 13 ก.พ. 2562 โดยระบุเหตุผลว่า เนื่องจากว่า รายการ Wake Up Newsและ Tonight Thailand ดำเนินรายการโดยมีเนื้อหาที่ต้องห้ามมิให้มีการออกอากาศตามกฎหมายและขัดต่อเงื่อนไขในการประกอบกิจการโทรทัศน์
แฟ้มภาพ CR:www.fda.moph.go.th.