+++สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า ศาลทหารของจีน ตัดสินจำคุกตลอดชีวิต พล.อ.ฝาง เฟิง ฮุย วัย 67 ปี อดีตประธานกรมเสนาธิการร่วม คณะกรรมาธิการทหารกลาง พร้อมทั้งยึดทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของรัฐ จากความผิดในข้อหาทุจริต รวมถึงข้อหารับสินบน และ ข้อหาร่ำรวยผิดปกติ กรณีไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินได้
+++พล.อ.ฝาง ทำหน้าที่ติดตามประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ของจีน ในการประชุมครั้งแรกกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง เมื่อปี 2560 จากนั้นถูกปลดออกจากตำแหน่งและไม่ได้ปรากฏตัวอีกเลย จากนั้น รัฐบาล ยืนยันว่าเขาถูกสอบสวนคดีทุจริต
+++ข้อมูลจากบริษัทท่องเที่ยวหลายแห่งในจีน ได้รับแจ้งจากหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาลจีน เรื่องที่ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเยือนทิเบต ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองตั้งอยู่ทางตะวันตกของจีน จนถึงวันที่ 1 เม.ย. นี้ โดยไม่มีการระบุเหตุผลชัดเจนและยังไม่เป็นที่แน่ชัดด้วยว่ามาตรการดังกล่าวเริ่มเมื่อใด แต่สื่อบางกระแส รายงานว่ามีผลตั้งแต่ช่วงต้นเดือนนี้ ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศของจีน ยังสงวนท่าทีต่อรายงานดังกล่าว
+++แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ที่ทางการจีน จะจำกัดการเดินทางไปทิเบตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการท่องเที่ยวในทิเบต ต้องเป็นไปตามระเบียบปฏิบัติที่เคร่งครัดของรัฐบาลจีนอยู่แล้ว
+++ความเคลื่อนไหวดังกล่าว เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนถึงวันที่ 10 มี.ค. ซึ่งในปีนี้ครบรอบ 60 ปี การลุกฮือของประชาชนในทิเบต เพื่อต่อต้านการอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลจีน และการเคลื่อนทัพเข้ามาของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ( พีแอลเอ ) ส่งผลให้ดาไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบต ต้องลี้ภัยไปยังเมืองธรรมศาลาของอินเดีย นับตั้งแต่บัดนั้น และวันที่ 14 ม.ค. 2551 ยังเคยเกิดการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลกลางที่เมืองลาซา ซึ่งเป็นเมืองเอกของทิเบตด้วย และไม่เคยมีรายงานออกมาอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความสูญเสียจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนั้น
+++3 ส.ส.หญิงของพรรคอนุรักษ์นิยม พรรครัฐบาลสหราชอาณาจักร คือ นางไฮดี้ อัลเลน,นางแอนนา โซบรีและนางซาราห์ โวลลัสตัน ตัดสินใจย้ายพรรค และ เข้าร่วมกับกลุ่มส.ส.อิสระหรือไม่สังกัดพรรค เนื่องจากไม่พอใจการเจรจาข้อตกลงการถอนตัวออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)หรือเบร็กซิตของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของสหราชอาณาจักร ไม่มีความคืบหน้า
+++นอกจากนี้ ไม่ยอมรับข้อเสนอของนางเมย์ ที่ระบุว่า มีเพียง 2 ทางเลือก ข้อแรกคือการทำข้อตกลงที่ไม่ได้ประโยชน์ และทางเลือกที่ 2 คือการถอนตัวแบบไร้ข้อตกลง พร้อมทั้งตำหนินางเมย์ว่าไม่เร่งสรุปการเจรจาให้เสร็จก่อนข้อตกลงเบร็กซิตจะเริ่มมีผลปลายเดือนมีนาคมนี้ ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเมืองใหม่ของสหราชอาณาจักร
+++การเตรียมประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ ที่เวียดนามๆ กำลังเตรียมการต้อนรับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่จะเดินทางโดยรถไฟมาที่กรุงฮานอย เพื่อร่วมประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ
+++รายงานระบุว่า นายคิม ต้องใช้เวลาในการเดินทางอย่างน้อย 2 วันครึ่งในการเดินทางหลายพันกิโลเมตรจากกรุงเปียงยาง ผ่านประเทศจีนมาที่เวียดนาม หมายความว่า เขาจะต้องออกเดินทางในสัปดาห์นี้ เพื่อให้ถึงเวียดนามทันเวลาสำหรับกำหนดการเดินทางไปถึงในวันที่ 25 กุมภาพันธ์
+++รถไฟขบวนที่นายคิมเดินทางมา จะหยุดที่สถานีด่งด่าง ที่ชายแดนเวียดนาม ซึ่งเขาจะเดินทางต่อโดยรถยนต์อีก 170 กิโลเมตรไปยังกรุงฮานอย
+++สถานที่จัดการประชุม คาดว่า จะเป็นบ้านพักของรัฐบาล ซึ่งเป็นอาคารในยุคอาณานิคมที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงฮานอย แต่แหล่งข่าวทั้งหลายกล่าวว่า แผนการนัดพบ มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เนื่องจาก ประเด็นด้านความปลอดภัย
+++กองทัพเวเนซุเอลา เตรียมพร้อมตามแนวพรมแดน หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ ข่มขู่ และได้ระงับช่องทางเชื่อมต่อทั้งทางอากาศและทางทะเลกับเกาะทางตอนเหนือของเวเนซุเอลา ก่อนที่ฝ่ายค้าน จะลำเลียงความช่วยเหลือจากต่างชาติเข้ามาในวันเสาร์นี้ พล.อ.วาดิเมียร์ ปาดรีโน โลเปซ รัฐมนตรีกลาโหมเวเนซุเอลา กล่าวว่า กองทัพ เตรียมพร้อมตลอดแนวพรมแดน ป้องกันการถูกละเมิดอธิปไตย ย้ำว่า กองทัพ จะเชื่อฟังอยู่ใต้การบังคับบัญชาและภักดีต่อประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ส่วนเรื่องที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ขู่เมื่อวันอังคารว่าหากยังสนับสนุนนายมาดูโรต่อไป กองทัพเวเนซุเอลา จะไม่มีที่หลบภัย ไม่มีทางออก ถึงทางตัน และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง รัฐมนตรีกลาโหมเวเนซุเอลา ประณามผู้นำสหรัฐฯว่า ยโสโอหัง หากกองกำลังต่างชาติพยายามใช้กำลังแต่งตั้งรัฐบาลใหม่ ก็จะต้องข้ามศพพวกเขาไปก่อน
+++โฆษกประธานาธิบดีมาดูโร กล่าวว่า เวเนซุเอลา กำลังประสานสหรัฐฯให้ทิ้งความช่วยเหลือไว้ที่พรมแดนแล้วให้เวเนซุเอลา จัดการเอง ขณะที่นายมาดูโร ระบุว่า ความช่วยเหลือนี้เป็นแผนบังหน้าการรุกรานของสหรัฐฯ พร้อมกับโทษมาตรการคว่ำบาตรและสงครามเศรษฐกิจของสหรัฐฯว่าทำให้เวเนซุเอลาตกอยู่ในวิกฤต
+++สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ว่า น.ส.ชามิมา เบกุม ชาวอังกฤษ วัย 19 ปี ที่เคยหลบหนีออกจากบ้านแล้วไปเข้าร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรงไอเอสในประเทศซีเรีย ด้วยการแต่งงานกับนักรบของไอเอสเมื่อปี 2558 จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้คลอดลูกชาย ในค่ายผู้อพยพแห่งหนึ่งในประเทศซีเรีย ได้ให้สัมภาษณ์ว่าต้องการที่จะเดินทางกลับบ้าน
+++น.ส.เบกุม เปิดเผยกับไอทีวีนิวส์ว่า คำสั่งของรัฐบาลอังกฤษให้เพิกถอนสัญชาติของเธอนั้นถือว่าไม่เป็นธรรม เธอรู้สึกช็อกเมื่อทราบข่าวนี้จากจดหมายของกระทรวงมหาดไทยอังกฤษที่ส่งไปถึงแม่ของเธอในกรุงลอนดอน เธอรู้สึกผิดหวังและท้อแท้ ถือว่าไม่เป็นธรรมสำหรับเธอและลูก
+++คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับหลายประเทศในยุโรปเช่นกัน เพราะมีความเห็นต่างกันอยู่ว่า สมควรที่จะให้นักรบหัวรุนแรงของไอเอสและผู้เห็นใจไอเอสเดินทางกลับบ้าน เพื่อมารับโทษถูกพิจารณาคดีตามกระบวนการยุติธรรม หรือควรจะห้ามเข้าประเทศด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงโดยเฉพาะกับแนวคิดการปกครองด้วยหลักศาสนาของกลุ่มหัวรุนแรงซึ่งกำลังถูกปราบปรามอย่างรุนแรงในซีเรีย
แฟ้มภาพ Reuters,KCNA