ศาลอ่านคำพิพากษาคดี หมายเลขดำที่ อ.3966/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.กฤษณา หรือโมนา สุวรรณพิทักษ์ อดีตผู้เข้าประกวดสาวงาม, น.ส.ปรารถนา หรือเม้า ท้วมทรัพย์ และนายปราโมทย์ สุวรรณพิทักษ์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษอาญาหรือรับโทษน้อยลง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 และจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้อื่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ซึ่งมารดา ผู้ตาย ได้ยื่นคำร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วยเป็นเงิน 1,465,776 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีด้วย
กรณีช่วงเดือน ก.พ. 2555 น.ส.กฤษณา จำเลยที่ 1 ได้พา น.ส.จริยา ศรีศักดิ์ หรือน้องน้ำ อายุ 15 ปีเศษ มาทำงานรับใช้ในบ้าน จ.เพชรบุรี และเมื่อจำเลยที่ 1 เกิดโมโหอารมณ์ร้ายจะทุบตีน้องน้ำอยู่เป็นประจำ กระทั่งวันที่ 11 เม.ย. 2555 จำเลยที่ 1 ได้ใช้กระป๋องสเปรย์ทุบตีที่ศีรษะหลายครั้ง อีกทั้งใช้กระบอกพลาสติกแข็งทุบตีบริเวณต้นขา และใช้ที่หนีบผมขณะที่ยังมีความร้อนจี้ตามลำตัวจนได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส ก่อนถูกส่งตัวมาอยู่ที่บ้านเลขที่ 599/10 หมู่บ้านกลางกรุงรัชวิภา แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กทม. และมาเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2555 ก่อนที่จำเลยที่ 1 จะร่วมกับพวกนำศพใส่ท้ายรถเดินทางมาที่บ้านเลขที่ 91 หมู่ 7 ต.หนองโสน อ.เมืองฯ จ.เพชรบุรี บ้านของนางโดโร ทิมพิทักษ์ มารดา ของจำเลยที่ 1 โดยมีจำเลยที่ 2 และ ที่ 3 ช่วยกันนำศพน้องน้ำไปฝังอำพรางคดีไว้บริเวณใต้ต้นตาลนอกรั้วบ้าน โดยจำเลยที่ 1-2 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 3 กลับคำให้การรับสารภาพก่อนเริ่มสืบพยานซึ่งทั้ง 3 ได้รับการประกันตัว
ขณะที่ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานซึ่งเป็นบุตรสาวของจำเลยที่ 1 ที่เห็นเหตุการณ์ทุบตีผู้ตายก่อนเสียชีวิตมาเบิกความ หากไม่เป็นความจริงบุตรสาวคงไม่ให้การถึงมารดาในพฤติการณ์ที่จะเป็นความผิดร้ายแรง นอกจากนี้ ยังมีคำให้การของจำเลยที่ 2 ในชั้นสอบสวนที่ให้การไว้ถึง 5 ครั้งโดยเป็นเหตุการณ์ที่ตรงกันหมดที่มีการทุบตีทำร้ายผู้ตายจนมาเสียชีวิตภายหลัง ด้วยเหตุที่ว่าจำเลยที่ 1 เห็นว่าผู้ตายดื้อ ใช้อะไรก็ไม่ค่อยทำตาม จำเลยเป็นคนโมโหร้าย และยังเคยมีเหตุการณ์ทำร้ายจำเลยที่ 2 เพื่อนสนิทจนบาดเจ็บ และทำร้ายแฟนหนุ่มบุตรสาวจนศีรษะแตกเพราะไม่พอใจเรื่องการพาไปเที่ยว
โดยการกระทำของจำเลยที่ 1 ในการใช้กระป๋องสเปรย์น้ำยาปรับอากาศที่มีน้ำยาอยู่ด้วยจึงมีน้ำหนักพอสมควร ไปทำร้ายผู้ตายด้วยการตีที่ศีรษะอย่างแรง และต่อมายังใช้ท่อข้อต่อพลาสติกเครื่องดูดฝุ่นตีตามร่างกายผู้ตายอีก รวมทั้งใช้เครื่องม้วนผมที่มีความร้อนจี้ตามลำตัวเป็นบาดแผลนั้น เป็นการเล็งเห็นผลว่าจะถึงแก่ความตายได้ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามมาตรา 288 และต้องชดใช้ให้มารดาผู้ตาย ที่ต้องขาดไร้อุปการะจากบุตรสาวที่เสียชีวิต รวมทั้งค่าปลงศพ เป็นเงินทั้งสิ้น 1,065,776 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีที่ผิดนัดชำระ นับตั้งแต่วันที่มารดาผู้ตายยื่นคำร้องให้ชดใช้ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. 2555 จึงพิพากษาว่า น.ส.กฤษณา หรือโมนา จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามมาตรา 288 จำคุกตลอดชีวิต และให้ชดใช้มารดาผู้ตายที่ต้องขาดไร้อุปการะจากบุตรสาวที่เสียชีวิต รวมทั้งค่าปลงศพด้วย เป็นเงินทั้งสิ้น 1,065,776 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีที่ผิดนัดชำระ นับตั้งแต่วันที่มารดาผู้ตายยื่นคำร้องให้ชดใช้ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. 2555
ส่วนจำเลยที่ 2-3 มีความผิดฐานร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษอาญาหรือรับโทษน้อยลง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 ให้จำคุกคนละ 2 ปี โดยคำให้การของจำเลยที่ 2 ในชั้นสอบสวนมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้ 1 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 3 รับสารภาพก่อนสืบพยาน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี ซึ่งแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพแต่เมื่อพิจารณาพฤติการณ์แล้วเป็นการกระทำที่ร้ายแรง ซึ่งแม้จำเลยที่ 3 จะเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านทำคุณงามความดีมาก่อนและเยียวยามารดาผู้ตายแล้วก็ตามก็ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
ล่าสุด ในส่วนของ “น.ส.กฤษณา” หรือโมนา จำเลยที่ 1 ซึ่งได้ยื่นหลักทรัพย์ 600,000 บาทนั้น ศาลเห็นควรส่งคำร้องขอประกันตัวดังกล่าวให้ “ศาลอุทธรณ์” เป็นผู้พิจารณาและมีคำสั่งว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงควบคุมตัวไปขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างรอฟังคำสั่งประกันตัว ซึ่งคาดว่าศาลอุทธรณ์จะใช้เวลาพิจารณาภายใน 5-7 วันนี้ ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ศาลอาญาพิจารณาแล้วก็มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2-3 ระหว่างอุทธรณ์ โดยตีราคาประกันคนละ 200,000 บาท
แฟ้มภาพ