แกนนำพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)นำโดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายณัฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค แถลงเปิด 5 นโยบายเศรษฐกิจ กรุงเทพมหานคร ภายใต้แคมเปญ ‘Bangkok OK’ ได้แก่ Super high speed wifi 5G นำร่อง 9 พื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร ได้แก่ สีลม-สาทร จตุจักร สุขุมวิท สยาม-ราชประสงค์ ลาดกระบัง บางขุนเทียน ดอนเมือง เยาวราช เจริญนคร-บางแค เปิดเว็บไซต์ให้เป็นพื้นที่ค้าขายออนไลน์เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ระดับโลก เปิดถนนคนเดินประชารัฐ 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ จัดระเบียบผู้ค้าขายให้เหมาะสมปลอดภัย start up สามารถจดทะเบียนและอนุมัติได้ภายใน 1 วัน และมีพี่เลี้ยงให้ Start up เปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นเงินทุน สามารถระดมทุนสร้างธุรกิจได้จริง
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า นโยบายกรุงเทพมหานคร จะเชื่อมโยงกับนโยบายของประเทศ พร้อมยอมรับว่า ความนิยมของพรรคเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พรรคไม่ประมาทเพราะช่วงโค้งสุดท้ายถือเป็นการต่อสู้ของพรรคการเมืองหลายๆ พรรค พรรค พปชร. มีจุดยืนที่ชัดเจนคือไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งกับใครและทำให้ประเทศเดินต่อไปข้างหน้า
ส่วนกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวส ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้ยุบพรรค พปชร. นายสนธิรัตน์ ระบุว่า พรรคไม่ต้องเตรียมอะไร นอกจากความจริงไปชี้แจง เพราะการเมือง มักจะสร้างประเด็น แต่บางประเด็นไม่อยู่บนข้อเท็จจริง และมั่นใจว่าพรรคไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญ
นายสนธิรัตน์ ชี้แจง กรณีที่หลายพรรคการเมืองเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าร่วมเวทีดีเบต ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯในนามของพรรค แต่สถานะยังอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงไม่เหมาะที่จะลงมาดีเบต และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่จำเป็นต้องดีเบตเพราะที่ผ่านมาก็ได้แสดงวิสัยทัศน์ในนามนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องอยู่แล้ว ส่วนหน้าที่ดีเบตและการนำเสนอนโยบายเป็นหน้าที่ของพรรค ดังนั้นโดยกฎหมายไม่อนุญาตให้ลงมาดีเบตได้ เนื่องจากไม่ใช่สมาชิกพรรค ขอให้แยกให้ชัดเจน
กรณีการปฏิรูปกองทัพที่หลายพรรคเสนอนโยบายตัดงบประมาณและยกเลิกเกณฑ์ทหาร นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ประเด็นปฏิรูปกองทัพเป็นกรอบความคิดที่กองทัพเองไม่ได้ปฏิเสธการปฏิรูป และนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เน้นการปฏิรูปในทุกด้าน ไม่เฉพาะเจาะจง และในทางปฏิบัติกองทัพก็ได้ปฏิรูปตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นการพูดถึงกองทัพขณะนี้ไม่ใช่การปฏิรูปที่แท้จริงแต่เป็นประเด็นทางการเมืองให้กองทัพต้องมารับผิดชอบทางการเมืองมากกว่า ซึ่งนายสนธิรัตน์ ปฏิเสธว่ากองทัพไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง หน้าที่ของกองทัพคือการดูแลความมั่นคง ส่วนรัฐประหารทุกครั้ง ต้นเหตุเกิดมาจากนักการเมือง ไม่ได้เกิดจากกองทัพ ดังนั้นการแก้ที่กองทัพเพื่อป้องกันรัฐประหารจึงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ถ้าย้อนหลังกลับไปรัฐประหารทุกครั้งเกิดยากความล้มเหลวของฝ่ายการเมืองที่ไม่สามารถดำเนินการแบบปกติได้ แม้กระทั่งการรัฐประหารเมืองปี 2557 ดังนั้นการปฏิรูปกองทัพวันนี้จึงไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน จึงอยากให้เอาเวลาไปแก้ปัญหาของชาติบ้านเมืองอย่างที่เร่งด่วนกว่า
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี