+++การปรับค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2562 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาตัวเลขที่เหมาะสม ให้คณะกรรมการค่าจ้างหรือบอร์ดค่าจ้าง เคาะตัวเลข เพื่อบังคับใช้ภายในวันที่ 1 เม.ย. มีรายงานว่า คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ได้พิจารณาอัตราตัวเลขปรับค่าจ้างที่แต่ละจังหวัดเสนอ และมีมติว่าให้ปรับขึ้นทั่วประเทศ 2-10 บาท มี 49 จังหวัดที่ไม่เสนอตัวเลข แต่จะปรับขึ้น 2 บาท ส่วนอีก 28 จังหวัด เสนอปรับ 10 บาท 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ภูเก็ต และชลบุรี ,ปรับขึ้น 7 บาท มี 1 จังหวัด คือ สิงห์บุรี ,ขึ้น 5 บาท อาทิ เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา ระยอง สมุทรสาคร นครราชสีมา ,ขึ้น 4 บาท อาทิ นราธิวาส ชัยภูมิ ,ขึ้น 3 บาท อาทิ ราชบุรี สุราษฎร์ธานี เพชรบูรณ์ โดย กรุงเทพฯ มีการเสนอปรับขึ้นสูงสุด 14 บาท แต่ก็ถูกพิจารณาปรับลดเหลือ 10 บาท เท่ากับสมุทรปราการ ซึ่งมีพื้นที่ติดกัน ส่วนบอร์ดค่าจ้างชุดใหญ่ จะมีมติตามที่เสนอหรือไม่ ต้องรอมติที่ประชุมในระบบไตรภาคี 3 ฝ่าย ประกอบด้วยตัวแทนฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล
+++ด้านนายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เห็นด้วยกับการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ จากรายงานข่าวระบุว่า มีการเสนอปรับเพิ่มประมาณ 20 กว่าจังหวัดนั้น แต่เมื่อเข้าคณะอนุกรรมการวิชาการแล้ว จะพิจารณาตัดตัวเลขหรือไม่ ก็ไม่ทราบ ส่วนที่มีรายงานข่าวว่า จังหวัดที่เหลืออาจจะปรับเพิ่มอัตราเฉลี่ย 2 บาท ส่วนตัวมองว่าน้อยเกินไป ไม่พอกินในสมัยนี้ หากจะให้พอกิน อย่างน้อยควรเพิ่มเฉลี่ย 5-6 บาท แต่บางจังหวัดที่มีความสามารถ อาจจะปรับได้มากถึง 10 บาทขึ้นไป
+++พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึง การยื่นคำขอลงทะเบียนใช้สิทธิลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งว่า เรากำหนดให้วันที่ 17 มีนาคม เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตและนอกเขต คือ คนที่ติดธุระ ไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ ก็มาใช้สิทธิวันที่ 17 มีนาคมได้ แต่ต้องลงทะเบียนก่อน วิธีการลงทะเบียนคือ ไปลงทะเบียนที่สำนักงานทะเบียนอำเภอ หรือในกรุงเทพฯ ที่สำนักงานเขต หรือลงทะเบียนทางอินเตอร์เน็ตก็ได้ ซึ่งตัวเลขการยื่นลงทะเบียนขอใช้สิทธิเมื่อเปรียบเทียบกับที่ผ่านมา มีจำนวนมากกว่า แสดงถึงการตื่นตัวของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ต้องการใช้สิทธิกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจาก ติดธุระวันที่ 24 มีนาคม ซึ่ง กกต. เปิดรับลงทะเบียนทางอินเตอร์เน็ต ได้ถึงเที่ยงคืนวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 จากนั้น กกต.ไม่สามารถขยายเวลาเพื่อเปิดรับการลงทะเบียนได้อีก เพราะต้องการจำนวนที่แน่นอน เพื่อกำหนดหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้าในการเลือกตั้งนอกและในเขตเลือกตั้ง โดยยอมรับว่าผู้มีสิทธิแห่ลงทะเบียนเกินเป้าที่ กกต.ตั้งไว้
+++ส่วนการประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อที่77 พรรคการเมืองส่งสมัคร จำนวน2,917คน โดย กกต.ประกาศรับรอง2,810 คน โดยไม่รับรอง 107 คน ทั้งนี้ ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ที่ถูกสำนักงาน กกต. ตัดสิทธิสมัคร สามารถยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาภายในเวลา 7วันนับจากวันประกาศ คือ เมื่อ15 ก.พ. เพื่อขอให้วินิจฉัยสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 49 และมาตรา 59 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ต่อไป
+++หลังการประกาศรายชื่อ มีตัวแทนพรรคการเมืองสอบถามมายังสำนักงานกกต.ว่ากรณีผู้สมัครไม่ได้รับการประกาศชื่อ กกต.จะคืนค่าสมัคร 1 หมื่นบาทให้หรือไม่ รวมทั้งหากที่สุดศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามที่กกต.ไม่ประกาศรับรองให้เป็นผู้สมัคร กกต.จะดำเนินคดีกับผู้สมัครและหัวหน้าพรรคตามมาตรา 151 พระราชบัญญัติประกออบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่ระบุว่าผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 -10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปีหรือไม่ เหตุเพราะบทลงโทษตามมาตรานี้รุนแรงมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ชี้แจงประเด็นค่าสมัครจะไม่ได้รับคืนตามกฎหมาย เพราะเงินค่าสมัครจะถูกนำเข้ากองทุนพัฒนาพรรคการเมือง
+++นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาคดีเลือกตั้ง ส.ส. พบว่า มีคดีที่มีการยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ จำนวน 7 เรื่อง และวันที่ 17 กุมภาพันธ์ จำนวน 16 เรื่อง 2 วัน รวมกันจำนวน 23 เรื่อง แต่ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ มีเกี่ยวกับยื่นคำร้องการวินิจฉัยสิทธิเลือกตั้ง ส.ส.เข้ามาเพิ่มขึ้นอีก 83 เรื่อง เป็นการร้องวินิจฉัยสิทธิ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 8 เรื่อง แบบแบ่งเขต จำนวน 75 เรื่อง ซึ่งขณะนี้มีคดีเลือกตั้ง ส.ส.ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีการวมทั้งหมด 106 เรื่อง ซึ่งทางสำนักงานศาลยุติธรรมได้มีการ เตรียมความพร้อม การจัดระบบต่างๆ ทั้งเรื่องอัตรากำลัง อาคารสถานที่ และงบประมาณ เพื่อรองรับการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลฎีกาเพื่อเตรียมความพร้อมในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ทุกฝ่ายด้วยความรวดเร็ว
+++สำหรับคดีเลือกตั้ง เมื่อมีการยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ศาล จะไต่สวนผู้ร้อง ผู้คัดค้าน แล้วส่งสำนวนเสนอศาลฎีกา ซึ่งจะมีองค์คณะพิจารณา 3 คน พิจารณาพิพากษาต่อไป
+++นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ แกนนำกลุ่มเส้นทางสีแดง รวมตัวกันหน้าอาคารสหประชาชาติ ถ.ราชดำเนินนอก เดินขบวนระยะทาง 100 เมตร จากบริเวณใกล้เคียงมาหน้าอาคารสหประชาชาติ ยื่นหนังสือแถลงการณ์คัดค้านการยุบพรรคไทยรักษาชาติ
+++กรณีนายฤภพ ชินวัตร รองหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในฐานความผิดตามมาตรา 14(2) ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังจากพนักงานสอบสวน ออกหมายเรียกไปก่อนหน้านี้ กรณีเรื่องค่าฝุ่นมลพิษพีเอ็ม 2.5 ที่ระบุว่าสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์แห่งหนึ่งผ่านเพจพรรคไทยรักษาชาติ เพื่อหาว่าบริเวณพื้นที่ตามจุดต่างๆ ในกรุงเทพฯ มีค่าพีเอ็ม 2.5 แต่เมื่อตรวจสอบไม่เป็นจริงตามที่ได้ระบุไว้ การนำสื่อออนไลน์ไปใช้ในการเลือกตั้งสามารถกระทำได้แต่ต้องใช้ในทางที่ถูกกฎหมายไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง สิ่งสำคัญต้องไม่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนหรือเกิดการตื่นตระหนกจากข้อมูลที่นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
แฟ้มภาพ