+++บีบีซี รายงานว่า นายคิม จังซ็อน คนใกล้ชิดของนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เดินทางไปถึงกรุงฮานอย เวียดนาม เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯกับนายคิม จองอึน ระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์นี้ โดยนายคิม จังซ็อน ซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่าประธานคณะเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ไปดูแลความเรียบร้อยของสถานที่ประชุมและเรือนรับรองสำหรับใช้เป็นที่พักของผู้นำเกาหลีเหนือระหว่างการประชุมในกรุงฮานอย
+++สำหรับนายคิม จังซ็อน เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการคณะกรรมการกลาโหมแห่งชาติของเกาหลีเหนือ และเป็นบุคคลหนึ่งที่ใกล้ชิดของผู้นำเกาหลีเหนือมากที่สุด จึงได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่จัดตารางเวลาทำงานและการนัดหมายต่างๆของผู้นำเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ เขาจะหารือกับนายแดเนียล วอลช์ รองประธานคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯและนายอเล็กซ์ หว่อง รองผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยและขั้นตอนพิธีการต่างๆระหว่างการประชุมในเวียดนาม
+++หลังจากประชุมซัมมิตครั้งแรกที่สิงคโปร์ เมื่อปีที่แล้ว เป็นการประชุมครั้งแรกในประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือ นายคิม ให้สัญญาว่าจะทำงานเพื่อมุ่งหน้าสู่การปลดนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี
+++ด้านประธานาธิบดีมุน แจ อิน ของเกาหลีใต้ กล่าวว่า มีความตั้งใจที่จะดำเนินโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจต่างๆกับเกาหลีเหนือ รวมถึง โครงการเชื่อมต่อระบบรางรถไฟข้ามชายแดนอีกครั้ง
+++ก่อนหน้านี้ ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้ยกเว้นมาตรการคว่ำบาตร เปิดทางให้สองชาติเกาหลี ปฏิบัติการร่วมกันในการสำรวจโครงการเชื่อมต่อทางรถไฟ ผู้เชี่ยวชาญ บอกว่า ระบบเชื่อมต่อทางราง อาจจำเป็นต้องใช้เวลาหลายทศวรรษและจำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาล
+++เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ใช้แนวทางที่แตกต่างกันในประเด็นเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ กำลังหาทางประสานความร่วมมือ ส่วนสหรัฐฯ ยืนยันว่า จำเป็นต้องเดินหน้ากดดันเกาหลีเหนือต่อไป จนกว่าจะปลดนิวเคลียร์
+++นายเบอร์นี แซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ วัย 77 ปี ประกาศเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 การหาเสียงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างรัฐบาลและเศรษฐกิจที่ทำงานให้กับคนหมู่มาก ไม่ใช่แค่คนกลุ่มเล็กๆ พร้อมกับร้องขอให้กลุ่มผู้สนับสนุนร่วมลงนามอย่างน้อย 1 ล้านรายชื่อเพื่อเริ่มต้นความพยายามดังกล่าว
+++การแข่งขันในครั้งนี้ นายแซนเดอร์ส เป็นหนึ่งในบรรดาตัวเต็งของสำนักโพลต่างๆที่สำรวจคะแนนนิยมของว่าที่ผู้สมัครปี 2020 นายแซนเดอร์ส ยังต้องเผชิญคำถามเกี่ยวกับเรื่องอายุและการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่อีกด้วย
+++ทั้งนี้ ศึกหยั่งเสียงแบบไพรมารีและคอคัสเพื่อตัดสินหาตัวแทนพรรคลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี มีกำหนดเริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ในรัฐไอโอวา และผู้ชนะของพรรคเดโมแครต มีความเป็นไปได้ที่จะได้ต่อสู้กับนาย ทรัมป์ จากรีพับลิกัน ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายน 2020
+++ก่อนหน้านี้ มีหลายคนที่ประกาศลงชิงชัยเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 เช่นวุฒิสมาชิก คอรี บูเดอร์ จากนิวเจอร์ซีย, คามาลา แฮร์ริส จากแคลิฟอร์เนีย, เคิร์สเทน กิลลิบรันด์ ของนิวยอร์ก, เอมี โคลบูชาร์ จากมินนิโซตาและเอลิซาเบธ วาร์เรน จากแมสซาชูเซตส์
+++นักวิเคราะห์ ชี้ว่า การที่บริษัทในญี่ปุ่น ย้ายออกจากสหราชอาณาจักร ทั้งพานาโซนิค, โซนี่, นิสสัน ล่าสุดคือฮอนด้า ไม่ได้เป็นเพราะเรื่องเบร็กซิต หรือเรื่องที่สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอีกหลายกรณีที่เป็นปัจจัยในการตัดสินใจ
+++ฮอนด้า มอเตอร์ เป็นบริษัทญี่ปุ่น แห่งล่าสุดที่ส่งสัญญาณอันตรายถึงอุตสาหกรรมทุกแขนงของสหราชอาณาจักร ด้วยการประกาศปิดโรงงานในเมืองสวินดอน ที่ว่าจ้างพนักงานราว 3,500 คน เพื่อทำการผลิตรถ ซีวิค มากว่า 24 ปี
+++นายทากะฮิโระ ฮาจิโงะ ประธานและซีอีโอบริษัทฮอนด้า มอเตอร์ ประกาศการตัดสินใจในระหว่างการแถลงข่าวในกรุงโตเกียวว่า การตัดสินใจ ยึดหลักความเปลี่ยนแปลงในตลาดยานยนต์โลก และบริษัทต้องหันไปเร่งการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมกับยืนยันว่า เบร็กซิต ไม่ใช่ปัจจัยหลักของการตัดสินใจ ฮอนด้ายังมีแผนจะยุติการผลิตรถยนต์เก๋งรุ่นยอดฮิต ซีวิค ที่โรงงานในตุรกี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 ด้วย แต่บริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจในตุรกีต่อไป
+++การปิดโรงงานฮอนด้าที่เมืองสวินดอน ทางภาคใต้ของสหราชอาณาจักร คาดว่า จะทำให้คนงานประมาณ 3,500 คน ต้องตกงาน และส่งผลกระทบเชิงสัญลักษณ์ครั้งใหญ่ ต่ออุตสาหกรรมการผลิตของสหราชอาณาจักร ท่ามกลางความปั่นป่วนจากเบร็กซิต
+++นอกจาก ฮอนด้า แล้ว ก่อนหน้านี้นิสสัน มอเตอร์ ยังประกาศยุติการผลิตในโรงงานที่เมืองซันเดอร์แลนด์
+++ปัจจุบัน มีบริษัทญี่ปุ่นราว 1,000 แห่ง ดำเนินงานอยู่ในสหราชอาณาจักร และว่าจ้างพนักงาน 140,000 คน
+++ปิดท้ายในวงการแฟชั่น สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เรื่องข่าวการเสียชีวิตของลาเกอร์เฟลด์ ในวัย 85 ปี ชายผู้ได้รับนามฉายา ไกเซอร์ หรือ จักรพรรดิเยอรมัน จากความยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นโลกนานกว่าครึ่งศตวรรษ หายหน้าไปจากงานสัปดาห์แฟชั่นปารีสของชาแนล ท่ามกลางข่าวลือเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วย สื่อฝรั่งเศสรายงานว่า ลาเกอร์เฟลด์ เสียชีวิตเมื่อเช้าวันอังคาร หลังจากถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในกรุงปารีส
+++แถลงการณ์ของนายแบร์นาร์ด อาร์โนลด์ ประธานและหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลุยส์ วิตตอง (LVMH) กล่าวว่า เราได้สูญเสียอัจฉริยะครีเอทีฟ ที่ช่วยสร้างสรรค์กรุงปารีสให้เป็นเมืองหลวงแฟชั่นของโลก และเฟนดิเป็นหนึ่งในแฟชั่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอิตาลี
+++ลาเกอร์เฟลด์ เกิดที่เมืองฮัมบวร์ก เยอรมนี เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2476 เริ่มต้นอาชีพดีไซเนอร์ ฝึกหัดกับยี่ห้อ ปิแอร์ บัลแมง ก่อนจะย้ายเข้าสังกัดปาตู และคลอ ตามด้วยเฟนดิของอิตาลี และมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ หลังจากเข้าร่วมกับชาแนลในปี 2526
CR:NHK