พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 10 อย่างเป็นทางการที่ Milan Congress เมื่อวันที่ 16 ต.ค. เวลา 14.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น)โดยกล่าวถ้อยแถลงระหว่างการประชุมเต็มคณะ ในหัวข้อ “การส่งเสริมความร่วมมือทางการเงินและเศรษฐกิจผ่านการเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างยุโรป-เอเชีย” นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การขยายความเชื่อมโยงระหว่างเอเชีย-ยุโรป ต้องอาศัยภาวะความเป็นผู้นำทางการเมือง ยึดมั่นพันธกิจระหว่างประเทศ รวมทั้งความรู้ความเชี่ยวชาญ ทั้งด้านทรัพยากรและการลงทุน โดยเสนอยุทธศาสตร์การดำเนินการ 3 ด้านหลัก คือ การเพิ่มบทบาทความเป็นหุ้นส่วนกับเอเชีย สร้างระบบเศรษฐกิจที่เป็นหนึ่ง การบริหารจัดการความเสี่ยง ที่อาจเกิดจากความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค โดยมีการพัฒนากระบวนการยุติธรรมและกฏหมายระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และความมั่นคง เพื่อการพัฒนาและความร่วมมือที่ยั่งยืน และการขยายความตกลงการค้าเสรีระหว่างเอเชียและยุโรป เช่นเดียวกับการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก โดยให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจได้มีการหารือกัน
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้ย้ำต่อที่ประชุม ให้ตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนอาหารและพลังงานในอนาคต จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความต้องที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ประเทศในเอเชียและอาเซียน เป็นแหล่งผลิตอาหารและพลังงานที่สำคัญ ดังนั้น ทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรมนุษย์ คือ เกษตกรกร ต้องได้รับการดูแล ทั้งรายได้ ราคาสินค้าเกษตร ลดความเหลื่อมล้ำสร้างความมั่นคงในอาชีพ พร้อมทั้งส่งเสริมการวิจัยด้วย
นอกจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดย ทั้งสองประเทศจะกระชับความสัมพันธ์กันมากยิ่งขึ้น โดยจะไม่ให้ปัญหาชายแดนเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการค้าการลงทุนระหว่างกัน ส่วนการปักปันเขตแดนจะดำเนินการโดยคณะกรรมาธิการร่วมจัดทำหลักเขตแดนทางบก พร้อมเสนอให้มีความร่วมมือแหล่งพลังงานทางทะเลร่วมกัน ไทยเองก็จะรับซื้อสินค้าเกษตร เช่น ในพื้นที่ตาพระยา เพื่อช่วยซื้อสินค้าเกษตรนำมาแปรรูปเพื่อการส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาให้ความสนใจ และร่วมมือกันต่อไป นอกจากนั้น ฝ่ายไทยจะจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ชายแดนตรงข้ามปอยเปตของกัมพูชา ซึ่งกัมพูชาอาจพิจารณาจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจในลักษณะเดียวกันในพื้นที่ติดกันด้วยได้ ซึ่งไทยจะดูแลแรงงานกัมพูชาให้ดีที่สุด