การตรวจสอบคุณสมบัติต้องห้ามของผู้ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า กกต.มีอำนาจตรวจสอบ และชี้มูล ตามมาตรา 12 มาตรา 13 และมาตรา 14 ของกฎหมายเลือกตั้ง เพราะเป็นเรื่องคุณสมบัติต้องห้าม โดยกกต.มีระยะเวลาในการวินิจฉัยภายใน 7 วัน แต่หากหลายฝ่ายไม่พอใจคำวินิจฉัยของกกต.อำนาจวินิจฉัยอาจจะต้องไปสิ้นสุดในขั้นตอนของศาล แต่ต้องดูเหตุผลของคำวินิจฉัยหากเป็นเรื่องคุณสมบัติทั่วไปไม่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญต้องเข้าสู่กระบวนการศาลฎีกาแต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญต้องเข้าสู่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนหากพรรคไหนเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงรายชื่อเดียวและถูกตรวจสอบแล้วขาดคุณสมบัติก็เท่ากับว่าพรรคนั้นหมดสิทธิในการเสนอชื่อเข้าเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนที่กรรมการบริหารพรรคของพรรคไทยรักษาชาติ ทยอยลาออก เพราะกลัวความผิด หากมีการร้องเรียนและมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรค กรรมการบริหารพรรคที่ลาออกก่อนหน้าก็ต้องถือว่ามีความผิดด้วย แต่กระบวนการตอนนี้ยังไม่มีการวินิจฉัย ส่วนตัวจึงไม่ทราบว่าขณะนี้พรรคไทยรักษาชาติ จะสามารถสบายใจได้หรือไม่ และไม่ทราบว่าหากศาลมีคำวินิจฉัยในเรื่องนี้จะมีความผิดจนถึงขั้นยุบพรรคและตัดสินกรรมการบริหารพรรค 5 ปีหรือไม่ รวมถึงไม่ทราบว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นความผิดทางอาญาหรือไม่ด้วยเช่นกัน
กรณีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอให้จัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล นายวิษณุ ระบุว่าส่วนตัวไม่มีความเห็นในเรื่องนี้
นายวิษณุ กล่าวถึง การเผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ฉบับที่ 2/2562 ปลอม เรื่องการปลด 3 ผู้บัญชาการเหล่าทัพให้พ้นจากตำแหน่งว่าผู้เผยแพร่จะมีความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และผิดฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี