ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 09.30 น. 7 กุมภาพันธ์ 2562

07 กุมภาพันธ์ 2562, 09:27น.


+++ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ห่วงเรื่องค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าในช่วงครึ่งปีแรก หากเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกของไทยในปีนี้ ล่าสุดเริ่มส่งผลกระทบแล้วต่ออุตสาหกรรมสำคัญของไทยที่ส่วนใหญ่ดำเนินการโดยธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ใช้วัตถุดิบหลักในประเทศ อาทิ อุตสาหกรรมสิ่งทอ แฟชั่น อาหาร เกษตร เกษตรแปรรูป



+++ตั้งแต่ต้นปี 2562 จนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ 3.4 แข็งค่ามากสุดเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค สาเหตุเกิดจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเพราะขาดแรงหนุน หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณถึงโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยที่น้อยลง จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด ขณะที่การค้าชายแดนก็อยากให้ภาครัฐพิจารณาเรื่องการใช้เงินบาทเป็นสกุลหลักในการค้าขาย ส.อ.ท.จะขอหารือกับนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าฯ ธปท. เพื่อขอให้ดูแลค่าเงินอย่างใกล้ชิด โดยเงินบาทระดับเหมาะสมต่อการส่งออกควรอยู่ที่ 31.50-32.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ



+++นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เงินบาทยังแข็งค่า เป็นหน้าที่ของ ธปท.ต้องเข้าไปดูแล ขณะนี้ สถานการณ์ค่าเงินบาทเปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้น ข้อมูลต่างๆ ต้องทันสถานการณ์ ต้องไม่ลืมว่าวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 เกิดจากนโยบายการเงิน ดังนั้น การดูแลค่าเงินบาทช่วงนี้ต้องดูแลให้ดี



+++นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธปท. ในฐานะเลขานุการ กนง.เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 1/2562 ว่า กนง.มีมติ 4 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.75 ต่อปี การประชุมรอบนี้ กนง. ให้น้ำหนักปัจจัยเสี่ยงด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจมากที่สุด เนื่องจากสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่เคยอยู่ในระดับสูงและลดลงต่อเนื่องจนทรงตัว แต่พบว่าระดับหนี้ครัวเรือนต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปรับสูงขึ้นที่ร้อยละ 77.8 ในไตรมาส 3 จากร้อยละ 77.7 ในไตรมาส 2 ปี 2561 ผลจากสินเชื่อรถยนต์เป็นหลัก ขณะที่ในระยะต่อไปภาระหนี้ครัวเรือนอาจจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหากพิจารณาจากสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวต่อเนื่อง



+++นายทิตนันทิ์ กล่าวว่า ค่าเงินบาท เป็นปัจจัยหนึ่งที่ กนง.นำมาพิจารณา การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทไม่ว่าในทิศทางใดจะมีทั้งผลบวกและผลเสีย จึงต้องดูแลไม่ให้ผันผวน ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯตั้งแต่ต้นปีนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ เป็นผลจากปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าเป็นสำคัญ จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อเนื่อง



+++นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึง  ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 53.4 มาอยู่ที่ระดับ 54.5 แสดงว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังไม่ดีเท่าที่ควร ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ ที่ระดับ 100 แสดงว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคตมากนัก  นายธนวรรธน์ กล่าวว่า การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ ปีนี้ไม่คึกคัก คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดหมุนเวียนประมาณ 3,700 ล้านบาท หรือลดลง ร้อยละ 3.17 ต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน 2,318 บาท คาดว่า เป็นเพราะเพิ่งผ่านช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้ประชาชนเลือกที่จะประหยัดค่าใช้จ่าย และเนื่องจากสินค้าในช่วงเทศกาลมีราคาแพงขึ้น



+++ส่วนพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงวันมาฆบูชา คาดว่า เงินสะพัดอยู่ที่ 2,667 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 3.12 ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน 1,642 บาท เนื่องจาก ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีเทศกาลเกือบทุกสัปดาห์ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่สนใจนำเงินมาทำบุญมากกว่าไปซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์



+++สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 35 เซ็นต์ ปิดที่ 54.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 71 เซ็นต์ ปิดที่ 62.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบครั้งแรกในรอบ 5 วัน ดาวโจนส์ ลดลง 21.22 จุด ปิดที่ 25,390.30 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 6.09 จุด ปิดที่ 2,731.61 จุด แนสแดค ลดลง 26.80 จุด ปิดที่ 7,375.28 จุด รายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆที่เผยแพร่ตั้งแต่วันอังคาร และวันพุธ ออกมาผสมผสานด้วย เจนเนรัล มอเตอร์(GM) ปิดบวกร้อยละ 1.6 และ ดิสนีย์ ปิดลบร้อยละ 1.1



+++ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวในการแถลงนโยบายประจำปี เรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสหันหน้าเข้าหากัน และยุติความเห็นต่างทางการเมือง เพื่อให้มีความคืบหน้าในด้านการตรวจคนเข้าเมือง, การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์ มองว่า คำแถลงนโยบายประจำปีของนายทรัมป์ ไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อตลาดทุน

+++ส่วนราคาทองคำ ขยับลง 4 วันติดต่อกัน ความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 4.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,314.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) เข้าพบ เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย เพื่อชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการส่งตัวนายฮาคีม อัล อาไรบี เป็นผู้ลี้ภัย โดยเปิดเผยว่าขณะนี้สตม.หมดอำนาจในการควบคุมตัวแล้ว เพราะขั้นตอนอยู่ระหว่างการไต่สวนของศาลอาญา และทนายความก็กำลังยื่นหลักฐานชี้แจงว่า นายฮาคีม ไม่ได้กระทำผิดในประเทศบาร์เรนซึ่งต้องรอให้ศาลพิจารณาก่อนภายในเวลา 60 วัน



+++พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ได้พูดคุยกับทุกภาคส่วน ทั้งสถานทูตออสเตรเลีย และสถานทูตบาห์เรน อธิบายให้เข้าใจถึงสถานการณ์ ขณะนี้อยู่ในกระบวนการศาล ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ การทำหน้าที่ในวันนี้ยึดหลักกฎหมายเป็นหลัก ทั่วทั้งโลกได้ยึดหลักเดียวกัน จากการพูดคุยหลายส่วนเข้าใจมากขึ้น ทุกอย่างอยู่ที่การพูดคุยบนพื้นฐานของความเป็นจริง ยึดหลักกฎหมายเป็นหลักนำหลายฝ่ายเข้าใจการทำงานของทางการไทย โดยประสานความเข้าใจไปยังประเทศบาห์เรนและออสเตรเลียถึงกระบวนการต่างๆ เป็นตามหลักสากลเรียบร้อยและเข้าใจกันดีแล้ว



แฟ้มภาพ 



 

ข่าวทั้งหมด

X