นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก กรณีการส่งตัวนายฮาคีม อัล อาไรบี อายุ 25 ปี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน และผู้ลี้ภัยประเทศออสเตรเลีย พร้อมใช้แฮชแท็ก #saveThailand โดยมีข้อความระบุว่า
"วันนี้ ประเทศไทยตกเป็นเป้าจับตามอง ตกเป็นจำเลยของใครๆก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในหว่างเขาควาย หรือหนังหน้าไฟ เนื้อไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง แต่ถูกชาวโลกกดดัน ให้ไทยอย่าส่งนายฮาคีมไปรับโทษที่บาห์เรนและให้ส่งตัวกลับออสเตรเลียตามที่ออสเตรเลียร้องขอ รวมทั้งคนไทยบางส่วนที่ผสมโรงกดดัน นำไปเป็นประเด็นทางการเมืองในช่วงเลือกตั้ง
ก่อนอื่น ต้องปูพื้นฐานสำหรับบางคนไม่ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด นายฮาคีมเป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน แต่ถูกทางการบาห์เรนตั้งข้อหาว่า เผาทำลายทรัพย์สินในสนามฟุตบอลและหลบหนีไปขอลี้ภัยในออสเตรเลีย ต่อมาเดินทางมาประเทศไทยพร้อมแฟน เพื่อมาฮันนีมูน แต่ถูกทางการไทยจับกุมตัวเนื่องจากมีหมายจับของตำรวจสากล อินเตอร์โพล และทางการบาห์เรน ประสานขอให้ทางการไทยส่งตัวกลับไปรับโทษที่บาห์เรนในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ปัจจุบัน คดีของนายฮาคีมกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล การจะส่งตัวกลับไปบาห์เรนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล ซึ่งคนไทยทุกคนรับรู้อยู่ว่า ไม่มีหน่วยงานใดสามารถก้าวล่วงหรือแทรกแซงอำนาจของศาลได้
ประเทศไทยจะมีหนทางปฏิบัติอย่างไรได้บ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางแรก ยึดหลักมนุษยธรรมและสิทธิในการเลือกถิ่นที่อยู่ของนายฮาคีม ที่หลบหนีประเทศและประสงค์ลี้ภัยในออสเตรเลีย กรณีนี้ไม่เหมือนกรณีของสาวน้อยชาวซาอุดิอาระเบียที่หลบมาอยู่สนามบินสุวรรณภูมิและเตรียมต่อเครื่องบินไปประเทศที่สาม (ออสเตรเลีย) แต่ยังไม่ได้เข้าประเทศ และไม่มีความผิดติดตัว ไม่มีหมายจับของตำรวจสากล การพิจารณาส่งตัวไปลี้ภัยในแคนาดาจึงสามารถปฏิบัติได้ทันทีตามประสงค์ของเจ้าตัวและประเทศที่จะรับลี้ภัย ทางที่สอง ยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศและความตกลงระหว่างประเทศ ในเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน คดีนี้ มีหมายจับของตำรวจสากล แต่มีประเด็นว่า ฐานความผิดของนายฮาคีมที่ทางการบาห์เรน กล่าวหา ตรงกับฐานความผิดในกฎหมายไทยหรือไม่
ประการต่อไป กรณีนี้ คงต้องพิจารณาต่อไปว่า ไทยมีความตกลงกับทางการบาห์เรนในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการแลกเปลี่ยนนักโทษกันหรือไม่ ซึ่งศาลอาจจะนำประเด็นนี้ไปพิจารณาด้วย แต่ประเด็นที่อยากจะเขียนเพื่อเตือนสติคือ ว่า ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างมากกับบาห์เรน สุลต่านบาห์เรน เสด็จมาประเทศไทยเป็นการส่วนพระองค์บ่อยครั้งมาก หรือจะกล่าวได้ว่า ทรงรักเมืองไทย ไม่อยากเห็นความสัมพันธ์ระหว่างไทยและบาห์เรนต้องเสียหาย เพราะคนเพียงหนึ่งคน เรื่องนี้ไม่อยากให้คนไทยกดดันศาล กดดันเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ อย่าหลงไปตามกระแสของตะวันตก ที่พยายามหยิบยกเรื่องมนุษยธรรม สิทธิเสรีภาพมากดดัน ทีประเทศไทยมีผู้กระทำผิดหลบหนีคดีในชั้นศาลไปต่างประเทศ ทั้งคดีอาญาและคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ว่าแคนาดา ออสเตรเลีย ฝรั่งมังค่า เฉยหมดไม่สนใจ
ประการสำคัญ นายฮาคีมเป็นใคร มีความสำคัญอย่างไร คนไทยทั่วไปไม่รู้ ไทยไม่ได้มีอคติอะไรและไม่ได้ประโยชน์อย่างใดๆ ทั้งสิ้นต่อกรณีนี้ แต่ตำรวจสากลโดยทางการออสเตรเลียด้วยซ้ำ ที่แจ้งเตือนให้ไทยจับกุม แต่มากลับลำ ไม่ให้ส่งตัวคืนให้บาห์เรน แต่ให้ส่งตัวกลับออสเตรเลียในฐานะผู้ลี้ภัย ไทยเป็นประเทศมีอธิปไตย มีอิสระทางการศาล ไม่ต้องรับคำสั่งจากชาติใดให้ต้องทำหรือต้องปฏิบัติอย่างไร แต่ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับบาห์เรนและออสเตรเลีย การยอมตามฝ่ายหนึ่ง ไม่ยอมตามอีกฝ่ายหนึ่ง ไทยย่อมไม่ได้ประโยชน์อะไร หากทั้งสองฝ่ายจะเจรจากันโดยตรงได้ ไทยจะได้ไม่อึดอัดและลำบากใจ อย่างไรก็ตาม คดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลแล้ว คงต้องรอการตัดสินของศาลว่า จะมีคำพิพากษาอย่างไรให้ทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ
ขอให้คนไทยรักเมืองไทยให้มากๆ อย่ารักคนอื่นมากกว่าประเทศตัวเองครับ".
…
Facebook นันทิวัฒน์ สามารถ # saveThailand