ในช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงผลการดำเนินงานปีที่ 4 ของรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี และนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง โดยโอกาสนี้แต่กระทรวงได้นำเอกสารสรุปผลงานมาแจกจ่ายประกอบการแถลงอีกด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ทุกคนทราบดีว่าในช่วงก่อนที่รัฐบาลและคสช.เข้ามา บ้านเมืองเราเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีวิกฤตการเมือง มีการทะเลาะเบาะแว้ง เศรษฐกิจหยุดชะงัก และการทำงานหลายอย่างมีปัญหาไปหมด สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลและความจำเป็นที่คสช. ตัดสินใจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในวันที่ 22 พ.ค. 2557 โดยได้วางแนวทางการแก้ปัญหาประเทศไว้ 3 ระยะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระยะที่ 3 ที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญและกำลังเดินหน้าสู่การจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 มี.ค. 2562
สำหรับผลงานที่ผ่านมารัฐบาลได้แก้ปัญหาเร่งด่วน อาทิ การแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งแม้ดัชนีชี้วัดจะถูกลดอันดับลง แต่ในประเด็นย่อยดีขึ้น ไม่ใช่จับแต่เรื่องไม่ดี สถานการณ์โดยรวมของประเทศไทยถือว่าดีขึ้น เศรษฐกิจขยายตัว ดัชนีชี้วัดและการจัดอันดับต่างๆ ดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งตัวเลขมีความสำคัญขออย่าไปบิดเบือน โดยก่อนจะมีการเลือกตั้ง เราได้มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างชัดเจน ซึ่งอย่าบอกว่าไม่มีส่วนร่วม เพราะได้มีการสอบถามความเห็นของประชาชนไปแล้ว สำหรับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง เราต้องสร้างประเทศชาติให้มั่นคง ประชาชนมีความสุข ปลอดภัยและมีความสงบเรียบร้อย การควบคุมสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง โดยทำให้การดำเนินชีวิตของประชาชนกลับมาเป็นปกติ รวมถึงการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน(ICAO) ปลดใบเหลืองการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย(ไอยูยู) ทุกอย่างต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ ซึ่งอาจมีปัญหาอยู่บ้างที่ต้องแก้ไขต่อไปด้วยหลักการและเหตุผล ขณะที่การปฏิรูปตำรวจ มีการร่างกฎหมายหลายฉบับ รวมถึงการแก้ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชตำรวจและยกระดับการบริการ โดยในส่วนของร่างพ.ร.บ.สอบสวน อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น ซึ่งต้องเข้าใจว่าทุกอย่างต้องใช้เวลาเพราะต้องแก้กฎหมายทุกตัวไม่มีอะไรพูดครั้งเดียวแล้วจบ
ในส่วนของการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีกระบวนการพูดคุยสันติสุข ที่ต้องทำให้สังคมโลกเห็นว่าเราทำตามมาตรฐานสากล ไม่ได้เป็นการเจรจาเพราะเราไม่ได้ไปรบกับใคร ซึ่งเมื่อการแก้ปัญหาดีขึ้น สถิติการก่อเหตุลดลง ก็มีความพยายามสร้างความหวาดกลัวเพื่อไม่ให้ร่วมมือกับรัฐ ดังนั้นอย่าช่วยขยายความรุนแรง
ด้านการต่างประเทศช่วง 4 ปีที่ผ่านมาตนได้สร้างความภาคภูมิใจและสร้างการยอมรับมากขึ้น ที่เกิดจากการยอมรับในการแก้ปัญหาของไทย แต่ไม่ใช่หยุดและเลิกเลย เพราะมีคนจ้องโจมตีอยู่ทั้งคนที่บริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ ทำให้ทำงานได้ช้าและขัดแย้ง ซึ่งการเยือนต่างประเทศก็ได้ไปครบทุกภูมิภาค ไปถึง 64 ครั้ง รวมถึงประเทศที่เป็นประชาธิปไตยก็ตอบรับอย่างดี ซึ่งย้ำว่าไม่ได้ไปซื้อของหรือไปเที่ยว ขอให้เข้าใจไว้ด้วย อีกทั้งประเทศไทยยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานการประชุมอาเซียนในปี 62 นี้ จะต้องทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย อย่าให้เกิดแบบเดิมอีกเลยทุกคนรู้อยู่แล้วอะไรดีไม่ดี ขณะที่ การท่องเที่ยวย้ำว่าคนเข้ามามากขึ้น ดังนั้นอย่าขัดแย้งและอย่าทำร้ายประเทศขยายเรื่องไม่ดีออกไป
ด้านสาธารณสุข ขยายสิทธิรักษา อย่างเข้าถึงยาราคา 11 รายการ รักษาฟรีโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน สนับสนุน อสม.เพิ่มค่าป่วยการ 1,000 บาท ศูนย์ดำรงธรรม 3,292 บ้านเรื่องยุติ 3,233 ล้านเรื่อง เราดูแลจากการฟังประชาชนโดยตรงที่ค้างมาตั้งนาน ยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมโดยหยุดการบุกรุกป่า เรื่องป่าเรื่องที่ดินตนยอมไม่ได้ถ้าไปช่วยใคร ป่าชุมชนต้องช่วยกันดู อย่างไรก็ตามในการปฏิรูปงบประมาณ จะเอาเงินมากกว่านี้จากที่ไหน แต่ไม่ใช่ทุกกระทรวงขอมากที่สุด แต่ต้องตอบตามแผนยุทธศาสตร์ชาติได้ เสนองบฯมาแล้วลงไปดูใช่หรือไม่ ตนไปติดตามสิ่งที่ได้อนุมัติลงไป ไม่ได้ไปหาเสียง แต่ไปเก็บข้อมูลเพื่อมาแก้ปัญหา และเยี่ยมประชาชนของตน หากไปให้คนพอใจคงพูดเพราะๆถ่ายรูปแล้วกลับบ้านเลย อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะให้ทุกหน่วยงานชี้แจงการดำเนินงาน ทำอะไรไปแล้วต้องพูด ไม่เช่นนั้นจะมีการเสนอข่าวเลอะเทอะไปหมดเช่น เรื่องฝุ่นpm 2.5 ที่หาว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลยมัวแต่พ่นน้ำและรดน้ำอย่างเดียว
ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ทุกฝ่ายต้องร่วมมือทำประเทศไปข้างหน้าพร้อมร่วมหลอมใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อจัดพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกด้วยความสงบเรียบร้อย