+++ในการแถลงข่าว “ถอด N95 ร่วมแก้ปัญหาฝุ่นจิ๋ว” ศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึง การสั่งปิดโรงเรียน จากปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ว่าในฐานะแพทย์ยอมรับว่าฝุ่นละอองขนาดเล็กก่อให้เกิดปัญหาเรื่องสุขภาพแต่จากมาตรการที่ปรากฏออกมานั้นการสั่งปิดโรงเรียนเสมือนกับเป็นการแก้ปัญหา ซึ่งจริงๆ เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นตอ สิ่งสำคัญต้องมีแนวทาง 4 ประเด็น คือ รัฐบาล จะต้องประชุมหารือเร่งด่วนเพราะเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วน กำหนดแนวทาง คำแนะนำ ที่ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความตระหนก และสับสนในสังคม ,กระทรวงสาธารณสุข ให้คำแนะนำแนวทางที่เหมาะสมในการดูแลรักษาตัวเอง และสังคมต้องตระหนักช่วยกันแก้ไข
+++ศ.นพ.ชายชาญ โพธิรัตน์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และกรรมการที่ปรึกษาชมรมลมวิเศษ กล่าวว่า ผลกระทบที่รุนแรงในระยะสั้นคือเพิ่มอัตราการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยรายวันจากโรคระบบการหายใจ หัวใจ และหลอดเลือดสมองให้สูงขึ้น เช่น โรคปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนผลกระทบในระยะยาวที่ร้ายแรงคือ อายุขัยเฉลี่ยสั้นลงตามระดับความเข้มข้นค่าเฉลี่ยรายปีของ PM2.5 ในพื้นที่บ้านเกิด โดยพบว่าทุกๆ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ของ PM2.5 ที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้ที่เกิดและอยู่อาศัยในพื้นที่นั้นอายุขัยสั้นลง 0.98 ปี ส่วนผลกระทบในระยะยาว ยังไม่มีการศึกษาในประเทศไทย
+++ส่วน รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรรมการที่ปรึกษาชมรมลมวิเศษ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะเชิญคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม เข้าหารือในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ ก็ต้องรอดูว่าจะมีผลอย่างไรออกมา อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญอยากให้ชัดก่อน ว่า สาเหตุฝุ่นจิ๋ว มาจากอะไรกันแน่ และควรมีแหล่งข้อมูลหลักจากแหล่งเดียว ออกมาให้ชัดว่า อะไรเป็นสาเหตุจริงๆ และจะแก้ไขอย่างไร โดยต้องดูว่าผลกระทบต้องชัด เช่น ผลกระทบเฉียบพลัน หากฝุ่นสูงมากๆ จะเฉียบพลัน เช่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก แต่ผลจากระยะยาว จะส่งผลระยะยาว เช่น มะเร็ง สมองเสื่อม พัฒนาการเด็ก ดังนั้น การดูแลผลกระทบจากฝุ่นจิ๋ว ควรต้องดูแลระยะสั้น และระยะยาวด้วย อย่างคนไข้หลายคนเป็นมะเร็งปอด โดยไม่ได้สูบบุหรี่ ตนมีความเชื่อส่วนตัวว่าสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมแน่ๆ ตรงนี้ก็ต้องมีการติดตามเพื่อให้ได้ผลระยะยาวด้วย ดังนั้น รัฐต้องมีเป้าให้ชัด วัดให้ได้ และไปให้ถึง
+++รศ.นพ.ฉันชาย กล่าวว่า ไทยมีกฎหมายสิ่งแวดล้อมเกิน 70ฉบับ เรามีความสามารถในการออกกฎหมาย แต่มีปัญหาเรื่องการบังคับใช้ เราจะต้องทำอย่างไร ลดการใช้เชื้อเพลิง เราจะทำอย่างไรอย่างโรงเรียนหนึ่ง เด็กๆจะใส่หน้ากากหมด แต่พ่อแม่ยังขับรถไปส่งหน้าโรงเรียน เราต้องกล้าปิดโรงเรียน เราต้องกล้าบังคับใช้เรื่องควบคุมต่างๆด้วย และในเรื่องการจัดการเรื่องงบประมาณ จริงๆ เรามีพ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมตั้งแต่ปี 2535 มีการเก็บภาษีน้ำเสียจากโรงงาน เราน่าจะเอาตรงนี้มาทำในเรื่องฝุ่นได้ด้วย อย่างเรื่องภาษีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ก็เพื่อให้ผู้ประกอบการลดปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยจูงใจเรื่องมาตรการภาษี และก็เอาตรงนี้มาชดเชยผู้รับผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องดี และควรทำ แต่ก็ต้องมาดูว่าจะดำเนินการอย่างไรให้เหมาะสมด้วย
+++นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณารายชื่อบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรค มั่นใจว่า จะทันตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่วนจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือไม่ ยังไม่สามารถบอกได้ ส่วนจะส่งเพียงรายชื่อเดียว หรือ 3 รายชื่อ พรรคจะต้องเลือกแนวทางที่ดีที่สุด ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค ทั้งนี้ เมื่อกระบวนการของพรรค จะจบในวันที่ 30 ม.ค.นี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเสนอเชิญนายกฯวันที่ 1 ก.พ. และเปิดตัวในวันที่ 2 ก.พ. พร้อมกับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั่วประเทศ นายอุตตม กล่าวพร้อมชูมือว่า ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น มีรายงานระบุว่า พลังประชารัฐ เสนอชื่อนายกฯ 3 ชื่อ 1.พล.อ.ประยุทธ์ 2. นายอุตตม 3. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
+++คณะกรรมการบริหารพรรคชาติไทยพัฒนา นำโดย น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ประชุมรับรองรายชื่อผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร(กทม.) 106 เขต จาก 122 เขต ภาคอีสาน 114 เขต จาก116 เขต ภาคใต้ 48 เขต จาก 50เขต ภาคเหนือ 52เขต จาก 62 เขต รวมส่งผู้สมัครทั้งหมด320 เขต 70 จังหวัด ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อส่ง 80 คน ลำดับแรกคือ นายวราวุธ ศิลปอาชา ลำดับ 2 นายธีระ วงศ์สมุทร และลำดับ 3 นายนิกร จำนง คณะกรรมการสรรหา เห็นควรเสนอให้น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว
+++นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ นำทีมแถลงภายหลังประชุมกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ว่า ที่ประชุมมีมติเสนอชื่อนายมิ่งขวัญเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเศรษฐกิจใหม่เพียงคนเดียว และส่วนตัวมีความมั่นใจในการสู้ศึกในสนามเลือกตั้ง จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา พร้อมชูนโยบายจัดวางตำแหน่งเศรษฐกิจไทยใหม่ เพราะเห็นว่าประเทศไทยต้องการพรรคที่เข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศปลอดภาษีเพื่อดึงให้เศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งการหารายได้เข้าประเทศ ด้วยการกำหนดให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเงินของเอเชีย รวมถึงการเปิดเสรีทางการเงิน และการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนจูงใจต่างชาติ รวมถึงการกำหนดให้ไทยเป็นประเทศปลอดภาษีใหม่ที่ใหญ่ที่สุดของโลก
+++นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ประชุมสัมมนาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. พรรคประชาชาติ เขตกรุงเทพมหานคร ภาคกลาง และภาคเหนือ โดยย้ำต่อผู้สมัครให้ปฏิบัติตามกรอบและกฎหมาย พร้อมยืนว่า พรรคพร้อมที่จะจับมือกับพรรคที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตย และมั่นใจว่าในพื้นที่สนามเลือกตั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ที่มีเขตเลือกตั้งทั้งหมด 11 เขต พรรคประชาชาติจะได้ที่นั่ง ส.ส.ทั้งหมด หรือ เกือบหมด สำหรับบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคที่สรุปแล้ว 3 คน ประกอบด้วย 1.นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค 2.พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค และ 3.นางณหทัย ทิวไผ่งาม รองหัวหน้าพรรค
+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย เคลื่อนไหวผันผวนในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน แต่มีแรงซื้อในกลุ่มพลังงานเข้ามาช่วยได้บ้าง จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงนักลงทุนยังรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ และการเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีน ปิดตลาดที่ 1,632.60 จุด เพิ่มขึ้น 8.55 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48,709.67 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีฮั่งเส่ง ฮ่องกง เพิ่มขึ้น 111.17 จุด ปิดที่ 27,642.85 จุด ตามทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่
+++ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดร่วงลง 108.10 จุด ปิดที่ 20,556.54 จุด เนื่องจาก นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ หลังจากบริษัทยาสองแห่งของญี่ปุ่นประสบความล้มเหลวในการพัฒนายาชนิดใหม่
+++หลังจากที่แพทย์เกาหลีใต้ ตรวจวินิจฉัยเมื่อวันจันทร์ว่า มีคนงาน 2 คนติดเชื้อโรคเท้าและปากเปื่อย(FMD)ในเมืองอันซ็อง ห่างจากกรุงโซล ไปทางทิศใต้ ราว 80 กม. ในจำนวน 2 คนนี้ คนแรกเป็นคนงานจากฟาร์มโคนมแห่งหนึ่ง ส่วนคนที่ 2 เป็นคนงานจากฟาร์มวัวแห่งหนึ่ง ทั้งสองแห่งอยู่ห่างกันราว 10 กม. เบื้องต้น เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ คาดว่า การที่ทั้ง 2 คน ติดเชื้อโรคดังกล่าว อาจจะทำให้เชื้อโรคแพร่ระบาดไปสู่พื้นที่อื่นๆจากการขนส่งปศุสัตว์จากฟาร์มดังกล่าว
+++สำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่า กระทรวงเกษตร อาหาร และกิจการชนบท เกาหลีใต้ ยกระดับการเตือนภัยขึ้นสู่ระดับ 2 จากทั้งหมด 4 ระดับ เตือนประชาชนให้ระวังอันตรายจากโรคเท้าและปากเปื่อยที่อาจจะแพร่ระบาดทั่วประเทศ ภายใต้มาตรการนี้ รัฐมนตรีเกษตรฯ จะรับผิดชอบตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด ส่งเจ้าหน้าที่เกษตรลงพื้นที่ไปกำจัดปศุสัตว์ในฟาร์มทั้ง 2 แห่งที่มีคนงานติดเชื้อไวรัส FMD ฉีดยาฆ่าเชื้อโรค พร้อมทั้ง ตรวจสอบว่ามีคนงานในฟาร์มใกล้เคียงรวม 14 แห่งในระยะรัศมีโดยรอบ 500 กิโลเมตรว่าติดเชื้อโรคนี้หรือไม่ และให้เจ้าหน้าที่เกษตร ฉีดวัคซีนต้านโรคให้กับสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ที่เกิดผลกระทบ
แฟ้มภาพ