ในงานสัมมนา "เหลียวหน้า..แลหลังแนวทางบริหารจัดการน้ำของชาติ 20 ปี ภายใต้การแจ้งเกิดพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561" ที่จัดโดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) บอกว่า ภายใน 5 ปีนี้ ไม่มีแผนจัดหาแหล่งน้ำจากต่างประเทศ เนื่องจาก ประเทศยังมีน้ำเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนไปอีกอย่างน้อย 10 ปี ส่วนระยะยาวประมาณ 20 ปี สทนช. มีแผนจะพัฒนาพื้นที่ที่อยู่นอกเขตและในเขตชลประทานรวม 30 กว่าล้านไร่ แบ่งเป็นพื้นที่นอกเขตชลประทานประมาณ 17-18 ล้านไร่ ที่เหลือจะเป็นพื้นที่ในเขตชลประทาน และในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ สทนช. จะเสนอเกี่ยวกับแผนหลักเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำต่อพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุว่าแม้สทนช. จะมาจากมาตรา 44 แต่ก็ไม่กังวลถึงความมั่นคงขององค์กร เพราะเชื่อว่าผลงานจะเป็นตัวพิสูจน์
เลขาธิการสทนช. กล่าวถึง กรณีที่มีกลุ่มประชาชน คัดค้านโครงการเขื่อนวังหีบ จ.นครศรีธรรมราช ว่า รัฐบาล กำลังพิจารณาหาทางออกร่วมกันอยู่ โครงการผ่านการพิจารณามาจากหลายหน่วยงาน ผ่านการเห็นชอบในทางเทคนิคแล้ว เนื่องจากมีการลงพื้นที่ศึกษาอย่างรอบด้าน ผ่านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) และผ่านขั้นตอนการออกแบบไปนานแล้ว แต่ถ้าประชาชนเห็นว่าโครงการมีสิ่งใดที่แตกต่างจากเดิมก็สามารถเสนอเรื่องกลับมาให้สทนช. ทบทวนและเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างที่วางไว้หรือไม่ ซึ่งโครงการนี้ก็เคยมีการนำข้อมูลกลับมาทบทวนใหม่ไปแล้ว ทั้งนี้ถ้ามีการเสนอเรื่องเข้ามาคงเป็นการหารือร่วมกันเพื่อหาจุดที่แตกต่างจากหลักเกณฑ์เดิมเป็นหลัก เพื่อนำมาเปลี่ยนแปลงต่อไป พร้อมยืนยันว่าเขื่อนนี้ทำเพื่อมุ่งแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ เลขาธิการสทนช. กล่าวถึงการแก้ปัญหาการรับน้ำจากแม่น้ำโขงที่ประเทศที่อยู่ต้นน้ำอย่างประเทศจีน มักจะมีการกักน้ำหรือพร่องน้ำว่าได้ประสานขอให้จีนแจ้งล่วงหน้า 1 สัปดาห์ และขอให้มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลร่วมฯระหว่างกันด้วย
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร