ช่วงเย็นวันนี้นาย ฝ่าม บิ่งห์ มิงห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อเข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังการเข้าเยี่ยมคารวะ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายกฯแสดงความยินดีที่ได้พบกับรองนายกฯเวียดนาม ในโอกาสเดินทางเยือนไทยเพื่อเข้าประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี(JCBC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 3 พร้อมฝากความระลึกถึงนาย เหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ที่เคยมีโอกาสพบกันมาแล้วหลายครั้งในการประชุมระดับภูมิภาคและระดับประเทศ
โดยทั้งสองฝ่ายยังเห็นตรงกันว่าผลสำเร็จของการประชุมดังกล่าวจะช่วยขยายความร่วมมือในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ให้เพิ่มมากขึ้น และต่างพร้อมร่วมมือกันผลักดันประเด็นสำคัญต่างๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและภูมิภาค ทั้งยินดีที่จะมีข้อริเริ่มจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อขยายความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกันในระยะที่ 2 ซึ่งจะเป็นแผนแม่บทที่ช่วยกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ของไทยและเวียดนามในอีก 5 ปีข้างหน้า
ด้านเศรษฐกิจ นายกฯเห็นว่าทั้งสองประเทศมีศักยภาพที่จะยกระดับมูลค่าการค้าไปถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ภายในปี 2563 ทั้งนี้นายกฯขอให้เวียดนามช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น การส่งออกรถยนต์ และส่งออกผลไม้ของไทยไปเวียดนามให้สำเร็จมากขึ้น ซึ่งรองนายกฯเวียดนามรับไปพิจารณาพร้อมยืนยันว่าจะสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนไทยในเวียดนามต่อไป
นายกฯยังเห็นว่าไทยและเวียดนาม มีศักยภาพที่จะเชื่อมโยงกันได้ในหลายมิติ ทั้งทางบก, ทางทะเล และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะสามารถพัฒนาไปยังประเทศอื่นๆในภูมิภาค โดยเฉพาะในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศลุ่มแม่น้ำอิระวะดี-เจ้าพระยา-แม่โขง(ACMECS) และกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง รวมถึงการท่องเที่ยวที่ต่างมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปมาหากันมากขึ้น ซึ่งเห็นว่าสามารถพัฒนาเป็นการท่องเที่ยวแบบแพคเกจ เชื่อมโยงไปยังประเทศที่ 3 ได้ ด้านแรงงาน ขณะนี้มีแรงงานเวียดนามเข้ามาทำงานในไทยจำนวนมาก แต่ประเทศไทยจะผ่อนปรนให้แรงงานเวียดนามเข้ามาทำงานมากขึ้น เพื่อช่วยสนับสนุนความเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจของเวียดนาม
รองนายกฯเวียดนามยังชื่นชมไทยที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม(IUU) นายกฯจึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในช่วงท้ายรองนายกฯเวียดนามยังกล่าวยินดีและพร้อมสนับสนุนประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ ทั้งพร้อมที่จะร่วมกันพัฒนาอนุภูมิภาคและภูมิภาคอาเซียนให้มีความเจริญเติบโตและมั่นคงยั่งยืนต่อไปด้วย