รักษาการผอ.การท่าเรือฯ ยกมาตรฐานท่าเรือรองรับโลจิสติกส์ปี62-63เร่งพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพ

การแถลงวิสัยทัศน์ ค่านิยม และทิศทางการดำเนินงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)   ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการการท่าเรือแหลมฉบัง รักษาการแทนผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นประธาน พร้อมเปิดเผยว่าในการขนส่งสินค้าทั้งหมดของไทยกว่าร้อยละ 90 เป็นการขนส่งทางเรือเป็นหลัก ดังนั้นการท่าเรือจึงต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ว่า มุ่งสู่มาตรฐานท่าเรือชั้นนำระดับโลก ด้วยการให้บริการด้านโลจิสติกส์  เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในปี 2673 โดยการพัฒนาท่าเรือไปสู่ระดับโลก ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน  สิ่งอำนวยความสะดวก และเสริมสร้างพันธมิตร พร้อมยกระดับการให้บริการให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และพัฒนาการขนส่งอย่างเชื่อมโยงเพื่อเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของโลก ขณะเดียวกันก็ต้องดำเนินงานโดยยึดมั่นธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ และดำเนินการโดยคำนึงถึงความคุ้มค่าในการใช้เม็ดเงินของแผ่นดิน และมีความรับผิดชอบต่อสังคม

โดยสำหรับท่าเรือที่อยู่ในความดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้มีการวางแผนเชิงกลยุทธ์ดังนี้ ท่าเรือกรุงเทพเป็นท่าเรือแม่น้ำที่ได้มาตรฐานสากล บริการเป็นเลิศสร้างมูลค่าเพิ่มสนับสนุนการค้าของประเทศ ท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือชั้นนำระดับโลก เชื่อมโยงเครือข่ายโลจิสติกส์ สู่การค้าแบบไร้รอยต่อ  ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนท่าเรือเชียงของ เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงที่ได้มาตรฐาน  และท่าเรือระนองเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางฝั่งทะเลอันดามันที่ได้มาตรฐาน

ทั้งนี้ได้แบ่งการทำงานเป็น 3 ช่วงได้แก่ ปี2562-2563 เป็นการดำเนินการเตรียมการภายในองค์การปรับปรุงประสิทธิภาพ โครงสร้างพื้นฐานสิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องมือทุ่นแรงรวมถึงกระบวนการภายใน ไปสู่การยกระดับองค์กรที่มีประสิทธิภาพสูง  เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ช่วงปี 2565-2568  พัฒนารูปแบบการให้บริการทางธุรกิจหลักและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ไม่สามารถเชื่อมโยงโครงข่ายระบบขนส่งสินค้าและระบบโลจิสติกส์ และสนับสนุนการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งทางระบบทางบกทางรางและทางน้ำ และช่วงปี2569-2573  เข้าไปสู่การ แข่งขันเชิงรุก สามารถเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำและโลจิสติกส์ ที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก ด้วยการเป็นท่าเรือที่มีมาตรฐานระดับโลกและเป็นที่ยอมรับจากผู้มีส่วนร่วม ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ต่อการดำเนินงานของการท่าเรือ ในการสนับสนุนบทบาทเป็นประตูการค้าหลักของประเทศ