*ผู้ติดเชื้ออีโบล่า เสียชีวิตในเยอรมนี ส่วนแพทย์ที่รอดชีวิตในสหรัฐ บริจาคเลือด ช่วยผู้ติดเชื้อ*

14 ตุลาคม 2557, 16:52น.


โรงพยาบาลเซ็นต์ จอร์จ ในเมืองไลป์ซิก ทางตะวันออกของเยอรมนี ออกแถลงการณ์แจ้งการเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสอีโบลา ของเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) อายุ 56 ปี ซึ่งตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ในไลบีเรีย ก่อนเดินทางกลับมารักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. เป็นต้นมา และเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น นับ เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสอีโบลาคนที่ 3 ซึ่งเข้ารับการรักษาตัวในเยอรมนี



ด้านนายเจเรมนี บลูเมอร์ โฆษกขององค์กรแพทย์การกุศล "ซามาริธาน เพิร์ส" แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า นพ.เคนท์ แบรนท์ลีย์ วัย 33 ปี ซึ่งติดเชื้อไวรัสอีโบลาขณะทำงานอยู่ในไลบีเรียและสามารถรักษาร่างกายจนหายเป็นปกติเมื่อเดือนส.ค. บริจาคเลือดของตัวเองเพื่อรักษาน.ส. นีนา ฟาม พยาบาลวัย 26 ปี จากเมืองดัลลัส ในรัฐเทกซัส ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลารายล่าสุด



แฟมถือเป็นผู้ป่วยที่แสดงอาการจากเชื้อไวรัสอีโบลาคนที่ 2 ในสหรัฐ ต่อจากนายโธมัส เอริค ดันแคน ชายชาวไลบีเรียซึ่งเดินทางเข้ามาในสหรัฐเมื่อวันที่ 19 ก.ย. และล้มป่วยในอีก 10 วันต่อมาก่อนเสียชีวิต



สำหรับ นพ.แบรนท์ลีย์เผยว่า เคยเสนอบริจาคเลือดสำหรับนำไปสกัดเอาพลาสมาเพื่อรักษาดันแคนเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่หมู่โลหิตของทั้งคู่ไม่ตรงกัน ขณะที่ครอบครัวของฟามเผยก่อนหน้านี้เพียงว่า ได้รับบริจาคเลือดจากสุภาพบุรุษคนหนึ่ง แม้ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ความช่วยเหลือจากสุภาพบุรุษท่านนี้ถือเป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่



นอกจากฟามแล้ว นพ.แบรนท์ลีย์บริจาคเลือดให้กับผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาอีก 2 คนด้วย คือนพ.ริค ซากรา ซึ่งติดเชื้อในไลบีเรียและเดินทางกลับมารักษาในสหรัฐเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ก่อนออกจากโรงพยาบาลในรัฐเนแบรสกา เมื่อวันที่ 25 ก.ย. และนายอาโชกา มักโป ช่างภาพข่าวของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในรัฐเนแบรสกาตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค. หลังตรวจพบการติดเชื้อเมื่อวันที่ 2 ต.ค. ขณะทำงานอยู่ในไลบีเรีย

ข่าวทั้งหมด

X