รมว.คมนาคม สั่งรถเมล์ที่ควันดำเกินมาตรฐานหยุดวิ่ง สั่งล้างอู่รถเมล์-ไซต์งานก่อสร้างรถไฟฟ้า

การตรวจรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ขสมก.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากภาพรวมของการตรวจรถเมล์ เมื่อช่วงเช้า ได้ตรวจพบรถเมล์ 2 คัน ที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน และได้สั่งหยุดวิ่งบริการแล้ว พร้อมให้ไปแก้ไข ขณะที่ เมื่อช่วงบ่ายได้ลงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก มาที่อู่รถเมล์ จตุจักร เพื่อติดตามการตรวจมาตรฐานควันรถก่อนให้บริการประชาชน พร้อมกล่าวว่า จากการตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะของ ขสมก. จำนวน 111 คัน แบ่งเป็นรถเมล์ธรรมดา 52 คัน และรถเมล์ ปรับอากาศ 59 คัน  โดยเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตรวจควันดำ ตรวจรถประจำทางที่อู่แห่งนี้ ก่อนให้บริการประชาชน เช่น สาย 96  สาย 136 และสาย ปอ. 509  เป็นต้น พบค่าควันคำส่วนใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 15-20 ทั้งรถเมล์ธรรมดาและรถปรับอากาศ ถือว่าต่ำกว่าค่ามาตรฐาน ที่การควบคุมมลพิษกำหนดไว้ร้อยละ  45  ซึ่งต้องยอมรับว่ารถเมล์บางคันมีอายุการใช้งานมานาน เป็นธรรมดาที่จะมีควันดำ แต่ยังคงต่ำกว่าค่ามาตรฐาน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2562 ได้มีการเปลี่ยนให้รถเมล์เก่าที่ใช้น้ำมันดีเซล B7 มาใช้น้ำมันดีเซล B20 แล้ว จำนวน 815 คัน และตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2562 จะเปลี่ยนไปใช้น้ำมันดีเซล B20 อีก 1,260 คัน รวมเป็น 2,075 คัน การเปลี่ยนน้ำมันนี้จะลดค่ามลพิษควันดำได้ร้อยละ 3.7 ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ร้อยละ 15 ลดค่าคาร์บอนมอนอกไซด์ ร้อยละ 33 ไฮโดรคาร์บอน ร้อยละ 21 รวมทั้งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ตรวจเข้ม หากพบรถเมล์คันใดมีค่าควันดำเกินกว่ามาตรฐานกำหนด ต้องหยุดให้บริการทันที

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ยังได้สั่งการให้ ขสมก. ล้างทำความสะอาดอู่รถเมล์ ขสมก. ทุกเขตการเดินรถ รวม 20 แห่ง ซึ่งที่อู่รถเมล์ จตุจักรจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ขณะที่พื้นที่การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ  ได้กำชับให้ล้างทำความสะอาดพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดฝุ่นแม้โดยส่วนใหญ่จะเป็นฝุ่นละอองขนาดใหญ่ ค่า PM 10 ก็ตาม และย้ำให้ลดหรืองดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่น แต่ไม่ใช่การหยุดกิจกรรม เนื่องจาก โครงการยังต้องเดินตามสัญญาการก่อสร้าง พร้อมปรับเปลี่ยนแผนงาน ยืนยัน จะไม่กระทบต่อระยะเวลาการก่อสร้าง ขณะเดียวกัน ยังสั่งให้ทำความสะอาดรถบรรทุกดินในการเข้าพื้นที่ก่อสร้าง เพื่อลดปัญหาฝุ่นฟุ้งกระจาย

ผู้สื่อข่าว:เกตุกนก ครองคุ้ม