กรณีนางสาวราฮาฟ โมฮัมเหม็ด ชาวซาอุดีอาระเบีย อายุ 18 ปี ที่หลบหนีการแต่งงานและสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์ ให้ความช่วยเหลือลี้ภัยไปแคนาดา นางสาวราฮาฟ ซึ่งแจ้งขอสละนามสกุลเดิมคืออัลคูนันแล้วได้เปิดแถลงข่าวที่นครโตรอนโต เล่าว่า เป็นการหนีออกจากบ้านที่เป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่าเพื่อให้มีชีวิตที่เป็นอิสระ และเธอรู้สึกว่าปลอดภัยเมื่ออยู่ในแคนาดา ซึ่งเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญและเคารพเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยเธอตั้งใจว่าจะหางานทำ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทั้งต้องการบอกทุกคนเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอและเรื่องราวที่หญิงชาวซาอุดีอาระเบียต้องเผชิญ เพราะผู้หญิงซาอุดีอาระเบียมักถูกปฏิบัติเหมือนสิ่งของหรือเหมือนทาส ไม่มีอิสระในใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเลือกคู่แต่งงาน การเรียน หรืออาชีพ เธอเล่าว่าถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ เคยถูกกักบริเวณนานถึง 6 เดือน เพราะเธอตัดผมของตนเอง และการแต่งกายแบบผู้ชายเป็นเรื่องต้องห้าม ทั้งยังเคยถูกคนในครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่คือมารดากับพี่ชายทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง
เรื่องราวของนางสาวราฮาฟเป็นที่สนใจไปทั่วโลก หลังเธอเดินทางจากคูเวตแล้วขังตัวเองไว้ที่ห้องพักโรงแรมในประเทศไทย แล้วโพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมขอความช่วยเหลือ เพราะกังวลว่าทางการไทยจะส่งตัวเธอกลับไปหาครอบครัว ซึ่งเธอจะต้องถูกลงโทษจำคุกฐานหลบหนีการแต่งงาน และเมื่อออกมาก็อาจถูกครอบครัวฆ่าตาย กระทั่งสหประชาชาติเข้ามาช่วยเหลือ
...