กรณีฝุ่นละอองในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอยู่ในระดับที่มีผลต่อสุขภาพ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า มีการเตรียมพร้อมปฏิบัติการฝนหลวง โดยจัดชุดฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว 2 หน่วยแล้ว คาดว่าจะเริ่มทำฝนหลวงได้ในวันพรุ่งนี้ (15 ม.ค.62) หากลมพัดมาทางทิศตะวันออก จะใช้หน่วยฝนหลวง จ.ระยอง ในการปฏิบัติการโดยใช้ฐานบินที่ จ.ระยอง บินเข้ามาใกล้กรุงเทพฯ ให้มากที่สุด แต่ต้องบินห่างจากสนามบินนานาชาติไม่น้อยกว่า 50 ไมล์ จึงมาได้แค่ จ.ฉะเชิงเทรา โดยจะเริ่มจากการสร้างเมฆ เลี้ยงเมฆให้อ้วน และปล่อยเมฆมาตามทิศทางลมเข้ากรุงเทพฯ โดยใช้เครื่องบิน คาซ่า จำนวน 2 ลำ ในการดำเนินการ
ด้านนายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า การทำฝนหลวงต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้านทั้งความชื้นและทิศทางลม หากในอากาศมีความชื้นเพียงพอจึงจะดำเนินการได้ ซึ่งนอกจากนี้ยังมีการประสานกับทางกระทรวงสาธารณสุขแจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เชื่อว่าสถานการณ์ PM 2.5 ในปีนี้ ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต และยังต้องเฝ้าระวังต่อไปในช่วง 1-2 สัปดาห์จากนี้
ส่วนกรณีที่กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ประเทศไทย) ระบุว่ากรุงเทพฯมีปัญหามลพิษเป็นอันดับ 9 ของโลก ก็เป็นข้อมูลที่ดี และพร้อมเปิดใจรับฟัง ในส่วนพื้นที่ กรุงเทพฯ ค่า PM 2.5 ที่เกินมาตรฐานนั้น จากผลการวิจัยของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) พบว่า ร้อยละ 50-60 เกิดจากควันดำ รถยนต์ดีเซลที่การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ร้อยละ 35 เกิดจากการเผาในภาคเกษตร และร้อยละ 5 เกิดจากภาคอุตสาหกรรม โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ มีรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลจำนวน 2 ล้าน 5 แสนคน และรถยนต์ทั่วไปจำนวน 9 ล้าน 8 แสนคัน
...
จส.100