หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)มีมติชี้มูล 4 รัฐมนตรีเข้าข่ายขาดคุณสมบัติเนื่องจากถือหุ้นสัมปทานรัฐ ประกอบด้วย หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี / และนายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อเข้าสู่กระบวนการสืบหาข้อเท็จจริงตามขั้นตอน ซึ่งทั้ง 4 คนยินดีที่จะให้ข้อมูล เช่นเดียวกับกรณีที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เคยถูกร้องเรียนในกรณีเดียวกัน ซึ่งศาลจะใช้เวลาในการพิจารณาประมาน1เดือน ก็ได้ข้อสรุปว่าไม่มีความผิด จึงขอให้รอข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบตามขั้นตอน เพราะขณะนี้ทั้ง 4 คนยังถือว่าไม่มีความผิด หรือขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ขอให้ทุกฝ่ายรอความชัดเจนเพราะใช้เวลาตรวจสอบไม่นาน ขณะเดียวกัน เปิดเผยว่า รัฐมนตรีทั้ง 4 คนยังไม่มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในเรื่องนี้ เพราะ นายกรัฐมนตรียึดหลักว่า ถ้าหากมีการตรวจสอบก็ต้องเข้าสู่การชี้แจงตามกระบวนการเพื่อให้เกิดความโปร่งใส
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือ จะเลือกประเทศไทยในการเจรจารอบสอง นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงการนำเสนอข่าวหนึ่งในต่างประเทศ ซึ่งกรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในสองรายชื่อที่มีการนำเสนอ ซึ่งอีกหนึ่งรายชื่อคือ เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม ซึ่งขณะนี้เองก็ยังไม่ได้มีการติดต่อเจรจามาอย่างชัดเจน ประเทศไทยเองก็มีความพร้อมในทุกด้าน และต้อนรับทุกประเทศอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา ยกเลิกการขอใช้สถานที่ ในการทำกิจกรรมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย นายพุทธิพงษ์ ระบุว่า ในเรื่องของการใช้พื้นที่ราชการในพื้นที่ส่วนจังหวัดจะต้องมีการขออนุญาตก่อน ซึ่งขึ้นอยู่กับเจ้าของพื้นที่ว่าจะอนุญาตหรือไม่ ส่วนที่มีการอนุญาตและยกเลิกในภายหลังนั้น ไม่ทราบว่า ในการขออนุญาตนั้นผู้ขอต้องการดำเนินการในเรื่องใด และเมื่อถึงเวลาได้กระทำการผิดตามวัตถุประสงค์ที่ขอเอาไว้หรือไม่ ยืนยันว่าไม่มีการสั่งการจากส่วนกลางลงไปในพื้นที่ เพราะรัฐบาลไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ เพราะเรื่องต่างๆ เป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เป็นผู้กำหนด เชื่อว่าในอนาคต เมื่อพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งประกาศใช้ กกต. จะมีการกำหนดพื้นที่ที่ในการหาเสียง ทุกอย่างจะมีความชัดเจนมากขึ้น