+++เด็กๆกับลุงตู่ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำเด็กและเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกจากทั่วประเทศ จำนวน 890 คนเข้ารับโล่รางวัล เยี่ยมคารวะและรับโอวาทจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2562 ซึ่งเด็กและเยาวชนเหล่านี้ได้ผ่านการคัดเลือกจากหน่วยงานต่าง ๆ เป็นเด็กที่เรียนดี มีคุณธรรม และทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติใน 5 ด้าน ได้แก่ด้านวิชาการ ศิลปะดนตรี คุณธรรม จริยธรรม กีฬานันทนาการและทักษะฝีมืออาชีพ ตามคำขวัญวันเด็กประจำปี 2562 ที่ว่า เด็ก เยาวชน จิตอาสา ร่วมพัฒนาชาติ
+++นายกฯ แสดงความยินดีกับเด็กที่ได้รับรางวัลในการทำความดี ขอให้รักษาสิ่งที่ดีต่อไป โดยให้ยึดหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และความกตัญญูกตเวที พร้อมพัฒนาตนเอง ค้นคว้า หาความรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อการศึกษาที่ดี หางานทำที่ดีในอนาคตตามความชอบและความถนัดของตนเอง
+++คำขวัญวันเด็กที่มอบไปปีนี้ อยากให้ยึดเรื่องจิตอาสา ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าและยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะในเร็ว ๆ นี้ ประเทศไทยกำลังจะก้าวสู่การเลือกตั้ง จึงไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง และหวังว่าคนรุ่นใหม่ต้องได้หลายภาษา อย่างน้อย 2 ภาษา เรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านและสากล เพื่อเตรียมพร้อมกับการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ เตรียมพร้อมสู่ยุคดิจิทัลที่เข้ามาในชีวิตประจำวัน เปลี่ยนแปลงตามโลกใบนี้ ดังนั้น ทุกคนต้องมีหลักคิดในการใช้ชีวิต เป็นแนวทางการปฎิบัติ เพื่อดำเนินชีวิตในสังคมและครอบครัว สร้างสรรค์สังคมให้ดี ไม่สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น นำไปสู่ความสงบและสันติ ยุติปัญหาต่างๆ ได้โดยเร็ว
+++นายกฯ ขอให้เด็ก ๆ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นพัฒนาสมอง เล่นเกมส์ได้ แต่ให้เล่นอย่างเหมาะสม รวมถึงใช้โซเซียลอย่างระมัดระวัง มีสติ ไม่ปลุกระดมหรือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี และให้ยึดเสน่ห์ความเป็นไทย มีรอยยิ้ม เพื่อพัฒนาประเทศ
+++พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับปลดใบเหลือง หรือ ประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือในการทำประมงผิดกฎหมายแล้ว ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีและเป็นความสำเร็จที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันพยายามแก้ไขปัญหาการทำประมงไอยูยูมาโดยตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปี นับตั้งแต่ไทยได้ใบเหลือง เมื่อเดือนเม.ย.2558 ซึ่งประเทศไทยได้มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาทั้งการออกกรอบกฎหมาย การบริหารจัดการประมง การบริหารจัดการกองเรือ การติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง การตรวจสอบย้อนกลับ และการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือกับอียู เพื่อส่งเสริมการประมงอย่างยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค และจากนี้ไปรัฐบาลไทยยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะขจัดปัญหาการทำประมงไอยูยู เพราะเห็นความจำเป็นในการรักษาความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำ ไม่เพียงเฉพาะประเทศ แต่รวมถึงทรัพยากรของโลกด้วย ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาประมงไอยูยูได้ถูกกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ
+++พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ประเทศไทย ได้วางรากฐานระบบป้องกันการทำประมงไอยูยูไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว ใน 6 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านกฎหมาย 2.การบริหารจัดการประมง 3.การบริหารจัดการกองเรือ 4.การติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง (MCS) 5.ด้านการตรวจสอบย้อนกลับ และ 6.ด้านการบังคับใช้กฎหมาย โดยการดำเนินการระยะต่อไป ทั้งอียูและไทย เห็นชอบร่วมกันเกี่ยวกับแผนงานความร่วมมือเพื่อให้ไทยบรรลุการเป็นประเทศปลอดประมงไอยูยู หรือไอยูยูฟรี ได้โดยสมบูรณ์ รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือในระดับอาเซียนเพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงไอยูยูร่วมกัน ประกอบด้วยแผนหลัก ได้แก่ การจัดตั้งคณะทำงานไทย-สหภาพยุโรป เรื่องการต่อต้านการทำประมงไอยูยู การจัดตั้งคณะทำงานร่วมอาเซียน เพื่อป้องกันและปราบปรามการทำประมงไอยูยู หรือ ASEAN IUU Task Force เนื่องจากประสบการณ์การแก้ไขปัญหาการทำประมงไอยูยู ที่ไทยดำเนินการมาตลอด 4 ปี สามารถร่วมแบ่งปันและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับประเทศอื่นๆ ที่ประสบปัญหาเดียวกันได้โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน ไทยได้เสนอที่จะผลักดันการจัดทำนโยบายประมงอาเซียน (ASEAN General Fisheries Policy) ให้มีผลเป็นรูปธรรม เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ ASEAN IUU Workshop ในช่วงเดือน เม.ย.2562 เพื่อผลักดันการจัดตั้ง ASEAN IUU Task Force
+++พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ แสดงความยินดีในเรื่องนี้ จากนี้ไปจะต้องคงมาตรการดูแลการประมงอย่างเข้มงวดต่อไป เพื่อรักษาธงเขียวไว้ให้ได้ตลอด เพราะกว่าจะสำเร็จได้นั้นเป็นเรื่องยาก ทุกคนต้องเหน็ดเหนื่อย และจากนี้ไปรัฐบาลจะมีแนวทางช่วยเหลือชาวประมงชายฝั่งและประมงพื้นบ้านทั้ง 22 จังหวัด ให้มีรายได้มากขึ้น ด้วยการทำงานอย่างเป็นระบบ ในฐานะประธานอาเซียน จะเชิญชวนกลุ่มประเทศอาเซียนร่วมมือกันกำหนดแนวทางเพื่อให้ทุกประเทศเป็นการทำประมงถูกกฎหมายต่อไป
+++ทางการออสเตรเลีย แถลงว่า จะพิจารณาอย่างรอบคอบในคำร้องขอลี้ภัยของหญิงสาวชาวซาอุดิอาระเบียวัย 18 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ในความดูแลตามกระบวนการของสหประชาชาติในกรุงเทพฯ ภายหลังจากที่เธอร้องขออย่าส่งตัวกลับและทวีตเหตุการณ์สด เรียกความสนใจจากทั่วโลก น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กุนัน ชาวซาอุดิอาระเบีย เดินทางด้วยเที่ยวบินจากคูเวตมาถึงท่าอากาศยานในกรุงเทพฯเมื่อสุดสัปดาห์ ภายหลังหนีงานแต่งงานคลุมถุงชนจากครอบครัว ซึ่งเธอระบุว่าทารุณทั้งร่างกายและจิตใจ สาวซาอุฯบอกว่าเธอหวังจะขอลี้ภัยในออสเตรเลีย และกลัวจะถูกฆ่าตายหากทางการไทยส่งกลับประเทศ หลังเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินไทยสกัดไว้เพราะไม่มีวีซ่าเข้าประเทศ ทางการซาอุดิอาระเบีย มีกฎหมายเข้มงวดกับสตรีซึ่งรวมถึงระบบอุปถัมภ์ที่ต้องอยู่ในความดูแลควบคุมของผู้ชายในครอบครัว
+++พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เปิดเผยว่า น.ส.ราฮาฟ ไม่ขอพูดคุยกับพ่อและพี่ชาย เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ เพราะอยู่ในความดูแลของ UNHCR หลังจากนี้ UNHCR จะทำตามความประสงค์ของน.ส.ราฮาฟ คือขอลี้ภัยไปประเทศที่สาม ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการภายใน 2-3 วัน จะสามารถดำเนินการได้ ส่วนจะไปประเทศไหน อยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนพ่อและพี่ชายของน.ส.ราฮาฟ จะเดินทางกลับซาอุดิอาระเบียวันนี้
+++ความเคลื่อนไหวของฟุตบอลทีมชาติไทย ที่จัดการปลด มิโลวาน ราเยวัช โค้ชชาวเซอร์เบีย ออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน หลังพาทีมประเดิมสนามในศึกเอเชียน คัพ 2019 ด้วยการแพ้ให้กับ ทีมชาติอินเดีย 1-4 ประตู พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ชี้แจงเงื่อนไข 4 ข้อในการพิจารณากุนซือคนใหม่ของทัพช้างศึก การคัดเลือกเฮดโค้ช มีกติกาชัดเจน 4 ข้อคือ 1.ใครก็ได้ จะเป็นคนไทยหรือต่างชาติก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่พร้อมหรือเต็มใจที่จะมาทำงานตรงนี้ 2.คนนั้นต้องบรรลุข้อตกลงหรือยอมรับเงื่อนไขกติกาของสมาคม คือพูดง่ายๆ ว่าข้อตกลงทั้งสองฝ่ายทั้งโค้ชและสมาคมต้องยินยอมพร้อมใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่มีการผิดใจกัน 3.โค้ชคนนั้นต้องมีคุณสมบัติเหมาะสมหรือเป็นไปตามความต้องการของสมาคม ข้อสุดท้ายก็คือเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ค่าจ้าง ซึ่งเป็นปัญหาของสมาคม เราไม่ได้มีเงินเหมือนกับบางประเทศ เช่น จีน หรือประเทศอื่นๆ ในเอเชียที่เขาได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชน แต่เรายืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่สำคัญที่สุดในการเลือกโค้ช
+++สถานีโทรทัศน์แห่งชาติของสหรัฐฯ ถ่ายทอดสดการแถลงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จากห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว เมื่อคืนวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติถือเป็นสถานที่สำหรับผู้นำสหรัฐฯในการประกาศ "ภาวะวิกฤติ" หรือ "สถานการณ์ฉุกเฉิน" ที่จะส่งผลต่อความมั่นคงทั้งภายในและระหว่างประเทศ โดยนายทรัมป์ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ "วิกฤติด้านมนุษยธรรม" ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจและจิตวิญญาณ" ของชาวอเมริกันในทุกภาคส่วน พร้อมทั้งยืนยันว่าสหรัฐฯไม่สามารถรองรับผู้อพยพผิดกฎหมายได้อีก แม้นายทรัมป์ไม่ได้ประกาศ "สถานการณ์ฉุกเฉิน" ตามความคาดหมายของหลายฝ่าย ที่จะช่วยให้ทำเนียบขาวเดินหน้าโครงการก่อสร้าง "เครื่องกั้นพรมแดน" ได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรอการพิจารณาและอนุมัติจากสภาคองเกรสอีกต่อไป
+++อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า "เหตุผลเดียว" ที่ส่งผลให้รัฐบาลกลางต้องเผชิญกับภาวะชัตดาวน์ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. ปีที่แล้ว คือการที่พรรคเดโมแครตยังคง "ไม่สนับสนุน" งบประมาณสำหรับการเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นคงตามแนวพรมแดนทางใต้ที่ติดกับเม็กซิโก เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามพรมแดน การค้ามนุษย์ และการค้ายาเสพติดที่นายทรัมป์ อ้างว่าเป็นธุรกิจมืดที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนสูงถึงปีละ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 16 ล้านล้านบาท )
+++นายทรัมป์ ยืนยันที่จะให้สภาคองเกรส อนุมัติงบประมาณ 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 182,400 ล้านบาท ) เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการก่อสร้าง "กำแพงที่ทำจากเหล็ก" โดยปัจจุบันเครื่องกั้นพรมแดนตามแนวชายแดนทางใต้ของสหรัฐส่วนใหญ่ "เป็นรั้วเหล็ก" และยืนยันว่าเขาพร้อมทีมงานจะหารือกับแกนนำของพรรคเดโมแครตอีกครั้ง เพื่อยุติการชัตดาวน์ซึ่งกำลังล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่สาม ยาวนานที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของประเทศ รองจากการชัตดาวน์ 21 วัน ระหว่างปี 2535 ถึง 2536 ในสมัยของประธานาธิบดีบิล คลินตัน
+++แกนนำของพรรคเดโมแครตคือนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายชัค ชูเมอร์ แกนนำเสียงข้างน้อยของพรรคเดโมแครต ทิ้งท้ายว่าพรรคเดโมแครต ยินดีหารือกับรัฐบาลของนายทรัมป์ อีกครั้ง แต่สิ่งที่เป็น "สัญลักษณ์" ของสหรัฐฯ ควรเป็นอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ ไม่ใช่ "กำแพงเหล็ก
+++จับตาการหารือระหว่างนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กับ ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิงของจีน สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า ในช่วงเช้านี้ ขบวนรถที่คาดว่าเป็นของนายคิม ออกเดินทางจากเรือนรับรองผู้นำเตี๋ยวยู่ไถในกรุงปักกิ่ง ของจีน นายคิม เดินทางเยือนจีนตามคำเชิญของประธานาธิบดีสี คาดว่า จะหารือเรื่องการเจรจาสุดยอดครั้งต่อไประหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือ เมื่อไม่กี่วันก่อน นายคิม ประกาศเตือนว่าเขาอาจใช้ทางเลือกอื่น หากรัฐบาลสหรัฐฯยังไม่ผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร สื่อเกาหลีใต้ รายงานโดยไม่เปิดเผยแหล่งข่าว ระบุว่า ผู้นำเกาหลีเหนือและจีนได้หารือกันเป็นเวลา 1 ชั่วโมง คาดว่า เป็นการพูดคุยกันทั้งเรื่องการประชุมสุดยอดสหรัฐฯ และ เกาหลีเหนือ ครั้งที่สอง และกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีจีน กับ เกาหลีเหนือ ให้แน่นแฟ้นขึ้น
+++สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า หลายประเทศทางยุโรป กำลังเผชิญสภาพอากาศหนาวจัดเป็นวันที่ 2 บางแห่งมีอุณหภูมิติดลบ 24 องศาเซลเซียส โดยมียอดผู้เสียชีวิตรวม 13 คนแล้ว สาเหตุส่วนใหญ่มาจากถูกหิมะถล่มทับ
+++ประเทศออสเตรีย ชาวบ้านหลายร้อยคนติดอยู่ภายในบ้านเพราะถูกหิมะถล่มปิดขวางการจราจร รถสัญจรไม่ได้ ต้นไม้ล้มทับสายไฟทำให้ไฟฟ้าดับและมีการเข้าช่วยเหลือนักปีนเขาชาวเยอรมนี 11 คน ที่ติดค้างในเคบินใกล้เมืองซัลซ์บวร์ก โดยไม่มีไฟฟ้าและอาหารเหลือน้อยมาตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว
+++ขณะที่ โรงเรียนหลายแห่งในกรีซ ต้องปิดทำการต่อเนื่อง เพราะต้องปิดถนนหลังหิมะตกปกคลุมท้องถนนหนา
+++เยอรมนี เตือนชาวเมืองฮัมบวร์ก ติดชายฝั่งทางเหนือ เตรียมรับมือภัยน้ำท่วมจากแรงลมฤดูหนาว
+++สนามบินสคิโพล ในกรุงอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ ต้องยกเลิกเที่ยวบินเกือบร้อยละ 25 เมื่อวันอังคาร
+++สโลวาเกีย ก็มีการยกเลิกเที่ยวบินเช่นเดียวกัน
แฟ้มภาพ